Mission To The Moon

Reskill Thailand เติมเต็มความรู้และแรงบันดาลใจ ในการพัฒนาทักษะใหม่ให้คนทำงาน เพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของโลก by Mission To The Moon Media


Mission To The Moon

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งในแง่การงาน ความสุข และความมั่งคั่ง?
.
เราหลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาฉลาดกว่า โชคดีกว่า หรือมีพรสวรรค์พิเศษ แต่มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Warren Buffett กลับมองว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่การเลือกคบคนรอบตัว คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตเพียงเพราะเงินทองหรือความสามารถของตนเอง แต่เพราะพวกเขาเลือกล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่ยกระดับพวกเขาให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง
.
ท่ามกลางอากาศอบอุ่นของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Berkshire Hathaway ที่เพิ่งผ่านไป Warren Buffett มหาเศรษฐีในตำนานได้ทิ้งข้อคิดที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะแทนที่เขาจะพูดถึงหุ้นตัวไหนที่น่าลงทุน หรือกลยุทธ์ทำเงินแบบไหนให้รวยทันใช้ เขากลับบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเลือกคบหาคนที่ถูกต้องตลอดช่วงชีวิตของเรา”
.
เมื่อมีนักลงทุนหน้าใหม่ถามถึงบทเรียนสำคัญในชีวิตและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ คำตอบของเขาไม่เกี่ยวกับการเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ระยะยาวที่ดีที่สุดแต่อย่างใด เขากลับพูดถึงประเภทของคนที่นักลงทุนควรคบหาตลอดชีวิต
.
.
เพื่อนที่คุณคบ ส่งผลต่อเส้นทางชีวิตของคุณ
.
"คนที่คุณคบหาสำคัญอย่างมหาศาล และอย่าคาดหวังว่าคุณจะตัดสินใจถูกในทุกเรื่อง" Buffett กล่าวอย่างจริงจัง และเขายังกล่าวเพิ่มอีกว่าชีวิตของคุณจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับคน 3 กลุ่มที่อยู่รอบตัวคุณ ได้แก่ คนที่คุณทำงานด้วย คนที่คุณชื่นชม และคนที่กลายเป็นเพื่อนของคุณ
.
เขายังเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ว่า บนโลกใบนี้มีคนที่ทำให้คุณอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม และคุณควรอยู่กับคนที่ดีกว่าคุณ และที่คุณรู้สึกว่าพวกเขาดีกว่าคุณ
.
คำแนะนำนี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมไม่น้อย เมื่อชายวัย 93 ปีผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพแห่งการลงทุน" กลับไม่พูดถึงการเงินหรือการลงทุนแม้แต่น้อย แต่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกคบคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่ามีผลต่อความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า
.
ในช่วงชีวิตอันยาวนานของ Buffett ทั้งในฐานะนักลงทุนและนักธุรกิจ เขาได้พิสูจน์แล้วว่าคนรอบตัวคือกุญแจสำคัญในความสำเร็จของเขา ตั้งแต่การร่วมงานกับ Charlie Munger ผู้ร่วมงานคนสำคัญที่ช่วยขัดเกลาวิธีคิดของเขา ไปจนถึงการเลือกผู้บริหารที่มีคุณธรรมและความสามารถให้กับบริษัทต่างๆ ในเครือ Berkshire Hathaway
.
พลังของการล้อมรอบตัวเองด้วยคนคุณภาพนั้นสอดคล้องกับกฎที่ว่า "เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด" หากคุณอยู่รายล้อมด้วยคนขี้เกียจ โอกาสที่คุณจะขี้เกียจตามไปด้วยก็มีสูง ในทางกลับกัน หากคุณอยู่ท่ามกลางคนที่มุ่งมั่น สร้างสรรค์ และมีวินัย คุณก็มีแนวโน้มที่จะซึมซับคุณลักษณะเหล่านี้ไปด้วยนั่นเอง
.
.
ไม่ใช่แค่เลียนแบบคนรวย แต่ต้องรายล้อมด้วยคนเก่ง
.
Buffett ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า คำแนะนำของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเพียงแค่ติดตามคนที่หาเงินได้มากและพยายามเลียนแบบสิ่งที่พวกเขาทำ เพราะตลอดชีวิตการลงทุน เขาพยายามอยู่รายล้อมด้วยคนฉลาดที่เขาสามารถเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ Buffett ยังกล่าวอีกว่าทุกคนควรตอบแทนความช่วยเหลือที่ผู้อื่นมอบให้
.
"การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับแนวคิดของการสร้างผลตอบแทนทบต้นในการลงทุน เพราะถ้าคุณรายล้อมไปด้วยคนที่เก่ง ก็จะเกิดการทบต้นของเจตนาที่ดีและพฤติกรรมที่ดี แต่น่าเสียดายที่คุณก็สามารถได้รับสิ่งตรงข้ามในชีวิตได้เช่นกัน"
.
ในยุคที่ "Fake it till you make it" กลายเป็นคติประจำใจของคนรุ่นใหม่ คำแนะนำของ Buffet กำลังพยายามทำให้เราหันกลับมาทบทวนการมองความสำเร็จเสียใหม่ เขาเชื่อในการเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แทนที่จะเพียงแค่แสร้งทำตัวเลียนแบบพวกเขา
.
ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า Buffett ไม่เคยพยายามคัดลอกกลยุทธ์ของนักลงทุนคนอื่น แต่เขาศึกษาและเรียนรู้จากพวกเขา แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง ตั้งแต่การเรียนรู้จาก Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบคุณค่า ที่ทำให้เขาพัฒนาวิธีการลงทุนแบบเฉพาะตัวที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์
.
คำแนะนำของเขายังสะท้อนถึงความสำคัญของการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ความสำเร็จมักเกิดจากการร่วมมือกัน ไม่ใช่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว การสร้างเครือข่ายของคนที่มีค่านิยมและเป้าหมายคล้ายกันสามารถเปิดประตูสู่โอกาสที่ไม่คาดคิดได้มากมาย
.
.
หางานที่ทำแล้วมีความสุข ดีกว่าทุกข์กับงานที่ไม่ชอบ
.
ในขณะที่คนส่วนใหญ่วิ่งตามความมั่งคั่งทางวัตถุ Buffett กลับแนะนำให้หาอาชีพที่คุณจะทำแม้ไม่จำเป็นต้องได้เงิน และเตือนไม่ให้คบหากับคนที่ "บอกให้คุณทำสิ่งที่คุณไม่ควรทำ"
.
เขาเล่าถึงสิ่งที่สังเกตเห็นตลอดหลายทศวรรษในวงการธุรกิจว่า "น่าสนใจมากที่คนทำงานในวงการลงทุนจำนวนมากออกจากธุรกิจหลังจากที่พวกเขาหาเงินได้มากแล้ว คุณควรหาสิ่งที่คุณจะทำต่อไป ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินหรือไม่ก็ตาม"
.
คำพูดนี้สะท้อนปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้งของชายผู้ยังคงทำงานที่เขารักแม้ในวัย 93 ปี และมีทรัพย์สินมหาศาลที่ทำให้เขาสามารถเกษียณอย่างสุขสบายได้มานานหลายทศวรรษแล้ว
.
ทฤษฎีความสุขในการทำงานของ Buffett สอดคล้องกับแนวคิด "Ikigai" ของชาวญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าความสุขที่แท้จริงเกิดจากการได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองเก่ง สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่เราได้รับค่าตอบแทน การค้นหางานที่ตอบโจทย์ทั้งสี่ด้านนี้คือกุญแจสู่ชีวิตที่มีความหมาย
.
Buffett เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคนที่ทำงานด้วยความรัก เขาเคยกล่าวว่ารู้สึกเหมือน "เต้นรำไปสู่ที่ทำงานทุกวัน" และยังคงตื่นเต้นกับการตัดสินใจลงทุนเหมือนกับตอนที่เขาเริ่มต้นธุรกิจในวัยหนุ่ม ความกระตือรือร้นนี้ไม่ได้เกิดจากเงินทอง แต่เกิดจากความหลงใหลในสิ่งที่เขาทำ
.
นอกจากนี้ ในงานประชุมเมื่อมีนักลงทุนสาวรายหนึ่งลุกขึ้นถามว่าเธอควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้งานที่ Berkshire Hathaway ในอนาคต คำตอบของ Buffett คือ "รักษาความอยากรู้อยากเห็นไว้ และอ่านหนังสือให้มาก"
.
คำตอบสั้นๆ นี้อาจดูไม่ได้ให้แนวทางที่ชัดเจน แต่มันกลับบอกถึงคุณสมบัติหลักที่ Buffett มองหาในคนที่จะร่วมงานด้วย นั่นคือใจที่เปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ และเสาะแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับการลงทุนจริงๆ เขายืนยันมาตลอดว่าคนไม่ควรเลียนแบบสิ่งที่เขาทำกับพอร์ตการลงทุนของ Berkshire แม้จะมีผู้ติดตามมากมาย และควรนำเงินไปลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500 แทน
.
ความเรียบง่ายในคำแนะนำของ Buffett อาจทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะผู้ที่คาดหวังจะได้ยินเคล็ดลับลัดสู่ความร่ำรวย แต่มันคือภูมิปัญญาที่ผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์กว่า 70 ปีในวงการลงทุน
.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรุ่นใหม่ควรเข้าใจว่า ความอยากรู้อยากเห็นและการอ่านคือทักษะพื้นฐานที่จะสร้างพลังความคิดวิเคราะห์และความเข้าใจต่อโลกธุรกิจ แทนที่จะจดจ่อแต่กับเทคนิคการหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า Buffett เน้นการพัฒนาวิธีคิดและกรอบความคิดที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสถานการณ์
.
.
สุดท้ายแล้ว “ความมั่งคั่งที่แท้จริงคืออะไร?” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ Warren Buffett พยายามสะท้อนปรัชญาชีวิตของเขาออกมาผ่านการประชุมครั้งนี้ ความสำเร็จจากมุมมองไม่ได้วัดที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่วัดที่คุณภาพของคนรอบข้างที่คุณเลือกคบหา อาชีพที่คุณหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีวันหมด
.
เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงไม่ได้วัดที่จำนวนเงินในบัญชี แต่วัดที่จำนวนคนคุณภาพที่ยินดีจะอยู่เคียงข้างเราในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์หรือล้มเหลว
.
.
อ้างอิง
- Warren Buffett has this advice for young investors—and it has nothing to do with where they should put their money - Jason Ma, Fortune - bit.ly/4jNJEr0
- ‘Don’t worry’ about your salary early in your career, Warren Buffett says—focus on this ‘enormously important’ factor instead - Kamaron McNair, CNBC - bit.ly/4dcj9sO
.
.
#WarrenBuffett
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

7 hours ago | [YT] | 118

Mission To The Moon

#missionชวนคุย มาแชร์กันว่า...

1 day ago | [YT] | 106

Mission To The Moon

เปิด Pre-Sale แล้ว! 🎉 "Mission To The Moon Office Blanket"
ผ้าห่มติดออฟฟิศที่จะทำให้การทำงานของคุณมีสีสันขึ้น
.
ผ้าห่มออฟฟิศ 2 โหมด เปลี่ยนด้านเปลี่ยนสถานะ สินค้าใหม่ล่าสุดจาก Mission To The Moon
ลดการรบกวนที่ไม่จำเป็น และช่วยให้การทำงานในออฟฟิศสะดวกขึ้น
.
ผ้าห่มนาโน ขนาด 70x140 ซม. สองฝั่งสองสไตล์ในผืนเดียว
[ ] สีน้ำเงินเข้ม Focused Mode (Please don't talk to me) บอกว่าคุณกำลังโฟกัสกับงาน
[ ] สีชมพูอ่อน Social Butterfly Mode (Talk to me please!) บอกว่าคุณพร้อมสำหรับการพูดคุย
.
พร้อมเปิดจองแล้วในราคาพิเศษ! เพียง 690 บาท จากปกติ 790 บาท
.
📅พบกันวันที่ 7 พฤษภาคม 2568
.
📲 สั่งเลยที่ Line Shopping: shop.line.me/@missiontothemoon/product/1007343133
.
.
#OfficeBlanket
#WorkFromHappiness
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

1 day ago | [YT] | 43

Mission To The Moon

📣 มาแล้ว! LIVE Pre-Sale “Office Blanket”
.
Office Blanket ผ้าห่มบอก Status สำหรับคนทำงานและนักศึกษา สินค้าใหม่ล่าสุดจาก Mission To The Moon
.
ผ้าห่มที่จะช่วยบอกให้เพื่อนๆ รู้ว่าคุณกำลังต้องการสมาธิหรือพร้อมที่จะพูดคุย ลดการรบกวนที่ไม่จำเป็น และช่วยให้การทำงานในออฟฟิศสะดวกขึ้น
.
ผ้าห่มนาโน ขนาด 70x140 ซม. สองฝั่งสองสไตล์ในผืนเดียว
[ ] สีน้ำเงินเข้ม Focused Mode (Please don't talk to me) บอกว่าคุณกำลังโฟกัสกับงาน
[ ] สีชมพูอ่อน Social Butterfly Mode (Talk to me please!) บอกว่าคุณพร้อมสำหรับการพูดคุย
.
พร้อมเปิดจองแล้วในราคาพิเศษ! เพียง 690 บาท จากปกติ 790 บาท
.
📅 พบกันวันที่ 7 พฤษภาคม 2568
⏰ เวลา 19:00 - 20:00 น.
.
📲 รับชมได้ทาง
[ ] Facebook: bit.ly/32Oe4nW
[ ] YouTube: bit.ly/3DWhaFG
[ ] TikTok: bit.ly/35Gq8aX
.
.
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

2 days ago | [YT] | 39

Mission To The Moon

สวัสดีคร้าบทุกคน~ สมมูนขอมาประกาศรายชื่อผู้โชคดีจาก Comment ชวนคุย✨
ใน เตรียมเงินสดให้พร้อม ก่อนพายุใหญ่กว่าโควิดจะมา | Mission To The Moon EP.2391

รายชื่อผู้ได้รับรางวัล Srichand. Timeless Anti-Aging Facial Serum ทั้งหมด 10 ท่านได้แก่

‪@mtch888‬
‪@spark631‬
‪@kachakara‬
‪@aeyoyoro4978‬
‪@sawberry2812‬
‪@MartinPenguin‬
‪@sureeratrabob1153‬
‪@Dodosolsollalasol30‬
‪@akekaphongkahapanakun924‬
‪@dr.ramidakarnchanawong4597‬

รบกวนติดต่อรับรางวัลทาง Inbox FB Fanpage :: www.facebook.com/missiontothemoonofficial ภายในวันที่ 12 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้ทีมงานดำเนินการจัดส่งของรางวัลให้ทางไปรษณีย์ครับผม
(สงวนสิทธิ์ให้กับผู้ที่รายงานตัวภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น)

สมมูนขอขอบคุณแฟนรายการทุกท่านที่ซัปพอร์ต Mission To The Moon กันมาตลอดนะคร้าบ💙

2 days ago | [YT] | 33

Mission To The Moon

ปัจจุบันเราอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบาย ตั้งแต่การกดสั่งอาหาร จนถึงการชอปปิงออนไลน์ ทุกอย่างถูกออกแบบให้เราใช้ชีวิตง่ายขึ้น ทำให้เราเริ่มเชื่อว่า "ชีวิตที่ดี" คือชีวิตที่ราบรื่น ไม่มีปัญหา และเต็มไปด้วยความสุข โดยเฉพาะเมื่อเราเห็นภาพในโซเชียลมีเดียที่คนอื่นดูมีความสุขตลอดเวลา
.
แต่ความคิดนี้กำลังจะถูกท้าทายให้เราคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง เมื่อศาสตราจารย์ Tal Ben-Shahar จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาเชิงบวก ได้กล่าวว่าปรากฏการณ์นี้เป็น "มายาคติของความสุขแบบต่อเนื่อง" (The Myth of Continuous Happiness) ซึ่งทำให้ผู้คนคาดหวังว่าจะต้องรู้สึกดีตลอดเวลา
.
สิ่งนี้สร้างความกดดันและนำไปสู่ความผิดหวังเมื่อเผชิญกับความท้าทายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในชีวิตจริง แต่เมื่อเราคาดหวังแบบนั้น แล้วชีวิตจริงไม่เป็นไปตามที่หวัง เรากลับรู้สึกผิดหวัง เครียด และไม่พอใจมากขึ้นเรื่อยๆ ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกในวงการจิตวิทยาว่า "ผลกระทบของความคาดหวังที่ไม่สมปรารถนา" (Expectation Discrepancy Effect)
.
คำถามจึงไม่ใช่แค่ "ทำไมชีวิตมันยาก?" แต่เป็น "ทำไมเราถึงคิดว่ามันควรจะง่าย?"
.
ล่าสุด งานวิจัยทางจิตวิทยาหลายชิ้นพบว่า มันอาจจริงที่ว่า ชีวิตจะง่ายขึ้นมาก ถ้าเราเลิกคาดหวังตั้งแต่แรกว่ามันต้องง่าย
.
.
ปัญหาของการแสวงหาความสุข เมื่อความสุขกลายเป็นความกดดัน
.
งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Emotion โดย Dr. Iris Mauss และคณะ (2011) พบว่า "ยิ่งเราพยายามแสวงหาความสุขมากเท่าไร เรากลับยิ่งรู้สึกผิดหวังและไม่มีความสุขมากขึ้นเท่านั้น" โดยการศึกษานี้ได้ทำการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง 282 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการแสวงหาความสุขสูงและกลุ่มที่ไม่ได้เน้นเรื่องนี้
.
ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่า กลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการแสวงหาความสุขมากเกินไปมีแนวโน้มที่จะเกิดอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และมีความพึงพอใจในชีวิตต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
.
เช่นเดียวกับงานวิจัยของ Dr. Todd Kashdan จากมหาวิทยาลัย George Mason ที่พบว่าคนที่พยายามหาความสุขอย่างจริงจัง กลับเครียด หงุดหงิด และรู้สึกไม่พอใจกับชีวิตมากกว่าคนที่ยอมรับทั้งด้านบวกและด้านลบของชีวิต
.
นี่ไม่ได้หมายความว่า "เราไม่ควรมีความสุข" แต่เป็นการเตือนว่า การคาดหวังให้ทุกวันต้องสมบูรณ์แบบ จะทำให้เรากลับทุกข์มากขึ้น ปรากฏการณ์นี้ถูกเรียกว่า "กับดักการไล่ล่าความสุข" (The Happiness Paradox)
.
.
ทำไมเราถึงคาดหวังมากเกินไป
.
แล้วทำไมเราถึงตกหลุมพรางนี้? การศึกษาด้านประสาทวิทยาของ Dr. Daniel Kahneman (นักจิตวิทยาผู้ได้รับรางวัลโนเบล) ที่ศึกษาเกี่ยวกับ "System 1 and System 2 Thinking" พบว่าสมองมนุษย์มีความลำเอียงโดยธรรมชาติที่จะมองหาความสะดวกสบายและหลีกเลี่ยงความยากลำบาก เมื่อผสานกับปัจจัยภายนอกในสังคมปัจจุบัน ทำให้เกิดพายุความคาดหวังที่สูงเกินจริงอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
.
โดยปัจจุบันมีหลายสิ่งที่ทำให้เราคาดหวังสูงเกินจริง ไม่ว่าจะเป็น
.
[ ] โซเชียลมีเดีย
.
เราเห็นแต่ภาพสวยๆ ของชีวิตคนอื่น ทำให้เราคิดว่าชีวิตเราก็ควรเป็นแบบนั้น เรามักเปรียบเทียบชีวิตจริงของเราที่มีทั้งขึ้นและลง กับเรื่องราวที่ผ่านการคัดกรองแล้วของคนอื่น ซึ่งส่วนใหญ่นำเสนอแต่ช่วงเวลาที่ดีที่สุดเท่านั้น
.
[ ] เทคโนโลยีที่อำนวยความสะดวก
.
เมื่อทุกอย่างสั่งได้ง่ายๆ เราก็เริ่มคิดว่าทุกอย่างในชีวิตก็ควรง่ายเช่นกัน เกิดเป็นปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "การขยายความคาดหวัง" (Expectation Amplification) ที่ส่งผลกระทบต่อทุกมิติของชีวิต ซึ่งล้วนเกิ ดจากการที่เราถูกปรนเปรอด้วยความสะดวกสบายจนเกิดภาวะ "ทนความยากลำบากไม่ได้" (Low Frustration Tolerance)
.
[ ] กระแสการพัฒนาตนเอง
.
ประเด็นนี้ Dr. Svend Brinkmann นักจิตวิทยาชาวเดนมาร์ก ได้วิพากษ์วิจารณ์ในหนังสือ "Stand Firm" ว่า วัฒนธรรมการพัฒนาตนเองบางครั้งสร้างแรงกดดันให้เราต้องมีความสุข ประสบความสำเร็จ และพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา จนเกิดเป็น "ความเครียดจากการพัฒนาตนเอง" (Self-improvement Stress)
.
.
เปลี่ยนความคาดหวังที่เป็นพิษ ให้เป็นมิตรกับชีวิตจริง
.
จากการศึกษาทั้งหมดที่ได้หยิบยกมา การเลิกคาดหวังสูงเกินไปไม่ใช่เรื่องของการยอมแพ้ แต่เป็นศิลปะของการปรับสมดุลทางจิตใจให้สอดคล้องกับความเป็นจริง การปรับความคาดหวังเหมือนการปรับระดับเสียงให้ไม่ดังหรือค่อยจนเกินไป เพื่อให้ได้ยินเสียงที่ชัดเจนและไพเราะที่สุด
.
[ ] ฝึกการอยู่กับปัจจุบัน
.
การฝึกสติช่วยให้เราตื่นรู้กับความคิดและความรู้สึกที่กำลังเกิดขึ้น เมื่อเราสังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังคาดหวังสูงเกินไปหรือกำลังเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับคนอื่น เราจะสามารถหยุดและปรับมุมมองได้ทันที
.
เราสามารถทำได้โดยนั่งสมาธิสั้นๆ วันละ 10 นาที โดยเน้นการรับรู้ลมหายใจและความรู้สึกในร่างกาย ฝึกหยุดคิดเมื่อรู้สึกว่ากำลังเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และเวลารู้สึกเครียดหรือผิดหวัง ให้หายใจลึกๆ และถามตัวเอง "ฉันกำลังคาดหวังอะไรที่ไม่สมเหตุสมผลอยู่หรือเปล่า?"
.
[ ] ตั้งเป้าหมายที่ยืดหยุ่น
.
แทนที่จะตั้งเป้าหมายแบบตายตัวที่เน้นแค่ความสำเร็จ ลองตั้งเป้าหมายที่เน้นกระบวนการและการเรียนรู้ เป้าหมายแบบยืดหยุ่นทำให้เราไม่ยึดติดกับผลลัพธ์มากเกินไป และเปิดใจรับกับความเป็นไปได้ที่หลากหลาย
.
เช่น "ฉันจะทำงานอย่างเต็มที่" แทนที่จะเป็น "ฉันต้องได้เลื่อนตำแหน่ง" หลีกเลี่ยงการตั้งเป้าหมายที่มีเงื่อนไขความสุข เช่น "ฉันจะมีความสุขก็ต่อเมื่อ..." และมีแผนสำรองเสมอ พร้อมปรับเปลี่ยนเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป
.
[ ] เปลี่ยนคำพูดกับตัวเอง
.
ภาษาที่เราใช้สื่อสารกับตัวเองมีอิทธิพลอย่างมากต่อความคาดหวังและมุมมองที่เรามีต่อชีวิต คำพูดแบบเด็ดขาดมักนำไปสู่ความผิดหวังและตัดสินตัวเองรุนแรงเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง โดยเราสามารถเปลี่ยนคำพูดกับตัวเองทำได้โดยเปลี่ยนคำว่า "ต้อง" "ควรจะ" เป็น "อาจจะ" "มีโอกาสที่" หรือ "ถ้าเป็นไปได้"
.
แทนที่จะบอกว่า "ฉันล้มเหลวอีกแล้ว" ลองพูดว่า "ครั้งนี้ยังไม่สำเร็จ แต่ฉันได้เรียนรู้..." และตั้งคำถามที่เปิดกว้าง เช่น "จะเกิดอะไรขึ้นถ้า..." แทนที่จะด่วนสรุปว่า "มันจะต้องแย่แน่ๆ..."
.
[ ] หาคุณค่าในทุกประสบการณ์
การมองเห็นคุณค่าและบทเรียนในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะดีหรือร้าย ช่วยให้เราไม่ยึดติดกับความคาดหวังว่าชีวิตต้องราบรื่นตลอดเวลา
.
วิธีฝึกหาคุณค่าในทุกประสบการณ์ทำได้โดยจดบันทึกสิ่งที่ได้เรียนรู้จากความท้าทายที่เผชิญ ตั้งคำถามเชิงบวกกับตัวเอง เช่น "ประสบการณ์นี้สอนอะไรฉันบ้าง?" หรือ "ฉันจะเติบโตจากสิ่งนี้ได้อย่างไร?" และแบ่งปันเรื่องราวความล้มเหลวและการเรียนรู้กับคนอื่น เพื่อช่วยให้เห็นว่าความยากลำบากเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตทุกคน
.
.
อย่างไรก็ตามการเลิกคาดหวังว่าชีวิตต้องง่ายไม่ได้หมายความว่าเราต้องมองโลกในแง่ร้าย แต่เป็นการเปิดใจยอมรับว่า ชีวิตมีทั้งสุขและทุกข์ และนั่นคือธรรมชาติของการมีชีวิต อีกทั้งความยืดหยุ่นทางอารมณ์ ยังเป็นความสามารถในการยอมรับและจัดการกับอารมณ์ทั้งด้านบวกและด้านลบได้อย่างเหมาะสม ทำให้คุณมีความสุขง่ายๆ ในชีวิตได้มากขึ้น
.
เพราะเมื่อเรายอมรับความจริงนี้ได้ เราจะพบกับอิสรภาพที่แท้จริง
.
.
อ้างอิง
- Can Seeking Happiness Make People Unhappy? - Iris B. Mauss, Emotion - bit.ly/44To5Az
- Tal Ben-Shahar’s Happiness Model - Ben Janse, Toolshero - bit.ly/44rUqOY
- Review of the Upside of Your Dark Side: Why Being Your Whole Self – Not Just Your “Good” Self – Drives Success and Fulfillment, by Todd Kashdan and Robert Biswas-Diener - Acacia C. Parks, International Journal of Wellbeing - bit.ly/3F4rxxI
- System 1 and System 2 Thinking - Joshua Loo, The Decision Lab - bit.ly/3EXXnMH
- Resisting the Self-Improvement Craze - Svend Brinkmann, RSA YouTube Channel - bit.ly/4k3fPCp
.
.
#Happiness
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

2 days ago | [YT] | 336

Mission To The Moon

เจอปัญหาแล้วคิดช้า? 🤔
ไม่กล้าตัดสินใจเพราะไม่มั่นใจในตัวเอง?
.
จะดีกว่าไหมถ้าเรา “คิดวิเคราะห์” ได้เก่ง มองได้กว้าง และหาทางออกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าปัญหาที่เข้ามาจะเป็นรูปแบบไหน
.
🧠 มาเข้าใจการทำงานของสมอง พร้อมเรียนรู้เทคนิคการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ
กับคอร์ส “Think Smarter, Solve Faster คิดเป็นระบบ แก้ปัญหาไว ตัดสินใจเก่ง” คอร์สสั้นๆ ที่จะช่วยพัฒนาทักษะการคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจ ติดตัวได้ตลอดชีวิต นำไปใช้ได้ทั้งในการเรียน การทำงาน และชีวิตประจำวัน
.
ถ่ายทอดความรู้โดย คุณทศ ศุภกฤต อังก์วราปิติกร อาจารย์พิเศษ วิทยากร ที่ปรึกษาการพัฒนาทักษะการคิด
.
📍 สมัครเรียนได้เลยที่ academy.missiontothemoon.co/think-smarter-solve-fa…
ราคาเพียง 990 บาท สมัครครั้งเดียว เรียนได้ตลอดชีพ
.
.
#ThinkSmarterSolveFaster
#missionacademy
#missiontothemoon

3 days ago | [YT] | 136

Mission To The Moon

Guess what?
ผ้าห่มใหม่จากมิชชั่น จะเป็นลายไหนกันนะ?
บอกเลยว่าลายนี้…ใช้ได้ในทุกออฟฟิศ!
ใช้ตอนทำงานก็ได้ ใช้ตอนนั่งคุยกับเพื่อนก็ดี อุ่นเบาๆ ได้ทั้งวัน
.
จับตามองให้ดี เพราะสินค้าใหม่จาก Mission To The Moon กำลังจะเปิดตัว!
📌พบกัน 7 พฤษภาคมนี้ เวลา 9:00 น.
Pre-Sale เฉพาะที่ LINE SHOPPING
.
มาแน่ พร้อมเปลี่ยนวันทำงานธรรมดาให้พิเศษกว่าที่เคย
.
#ComingSoon
#MissiontotheMoon
#missiontothemoonpodcast

3 days ago | [YT] | 30

Mission To The Moon

เตรียมตัวพบกับสินค้าใหม่จาก Mission To The Moon !

4 days ago | [YT] | 80

Mission To The Moon

📝12 บทเรียนเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นก้าวใหม่ในชีวิต จากคุณตัน ภาสกรนที
.
.
เส้นทางของชีวิตและธุรกิจไม่เคยราบรื่น เราทุกคนล้วนต้องเผชิญกับอุปสรรค ทางตัน หรือแม้แต่ความล้มเหลวเป็นครั้งคราว แต่สิ่งที่จะนำพาเราไปสู่ความสำเร็จ คือการไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งเหล่านั้น และยังคงมองหาโอกาสแม้ในช่วงเวลาวิกฤต
.
คุณตัน ภาสกรนที แห่ง “อิชิตัน กรุ๊ป” เป็นตัวอย่างของผู้ที่มองเห็นโอกาสแม้ในยามวิกฤต นี่คือ 12 บทเรียนล้ำค่าที่กลั่นจากการพูดคุยใน “เพราะในทุกวิกฤต…มักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ กับ ‘คุณตัน ภาสกรนที’ | Mission To The Moon EP.2394” เป็นประสบการณ์ตรงที่คุณสามารถนำไปปรับใช้กับธุรกิจและชีวิตของตัวเองได้
.
.
1. โฟกัสสิ่งเดียวให้สุด ดีกว่าทำหลายอย่างแต่ไม่เห็นผล คุณตันเคยทำหลายธุรกิจพร้อมกันแต่ไม่รวย จนมาโฟกัสโออิชิเพียงแบรนด์เดียวแล้วเปลี่ยนชีวิต
.
2. ความสำเร็จที่แท้จริง เริ่มจากการยอมรับว่าเรายังไม่รู้ คุณตันเรียนรู้จากคนรอบข้างทุกระดับ ไม่อายที่จะถาม ไม่กลัวที่จะลอง
.
3. วิกฤตคือบททดสอบความกล้าตัดสินใจ ในปี 2540 คุณตันเลือกตัดแขนขารักษาชีวิต ขายทรัพย์สินขาดทุน เพื่อลดหนี้ แทนที่จะยื้อจนล้มหมด
.
4. มองเห็นโอกาสจากพฤติกรรมผู้บริโภคจริง ชาเขียวบรรจุขวดเกิดจากการสังเกตว่าลูกค้าดื่มเยอะในร้านบุฟเฟต์ ประกอบกับการศึกษาตลาดจากประเทศญี่ปุ่นและไต้หวันที่มีชาเขียวในขวดมาก่อนแล้ว
.
5. เลือกสนามแข่งขันที่เหมาะกับเรา แล้ววิ่งให้เร็วกว่าใคร คุณตันเริ่มจากต่างจังหวัด เพราะคู่แข่งน้อย คนจำง่าย และมีโอกาสสร้างชื่อเร็ว
.
6. ถ้าไม่มีเงินทุน จงใช้ประสบการณ์เป็นต้นทุน คุณตันเรียนรู้จากการลงมือทำทุกงาน เก็บทักษะไว้เป็นคลังอาวุธในอนาคต
.
7. อย่าเพิ่งคิดว่า “ถูกใจเรา” เท่ากับ “ขายได้” คุณตันไม่ยึดติดกับสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ดูว่าสิ่งไหน “ลูกค้าซื้อจริง”
.
8. ข้อมูลลูกค้าที่ดีที่สุด ไม่ใช่จากแบบสอบถาม แต่จาก “การแอบฟัง” เพราะต่อหน้าลูกค้ามักตอบให้เกียรติ แต่สิ่งที่พูดลับหลัง หรือคุยกันเอง คือความจริงที่แบรนด์ควรเอาไปปรับใช้
.
9. ยกมือก่อน ได้โอกาสก่อน คุณตันอาสารับงานก่อนคนอื่น แม้ไม่รู้จะทำได้หรือไม่ แต่เมื่อได้รับโอกาสแล้วต้องทำให้ดีที่สุด ซึ่งนั่นจะทำให้คนไว้ใจ
.
10. บทเรียนสำคัญในการทำธุรกิจคือการเลือกหุ้นส่วนที่ดี หุ้นส่วนต้องมีจิตวิญญาณความเป็นเจ้าของ เข้าใจเงื่อนไขและการแบ่งผลประโยชน์ที่ชัดเจน
.
11. แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่หลักการพื้นฐานยังคงเดิม ความขยัน ซื่อสัตย์ และอดทนอาจไม่ทำให้รวยทันที แต่จะทำให้สำเร็จอย่างภาคภูมิใจในที่สุด
.
12. “ทุกวิกฤตผ่านได้ ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้” ความเชื่อมั่นในตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด อย่าดูถูกตัวเอง เชื่อว่าตัวเองทำได้ และพร้อมที่จะเรียนรู้ปรับตัวอยู่เสมอ ถ้ายังไม่สำเร็จ แสดงว่ายังพยายามไม่พอ
.
สามารถรับชม Mission To The Moon EP.2394 | เพราะในทุกวิกฤต…มักมีโอกาสซ่อนอยู่เสมอ กับ ‘คุณตัน ภาสกรนที’ ฉบับเต็มได้ที่ : bit.ly/4iBPvhB
.
.
#ธุรกิจ
#มุมมองชีวิต
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

5 days ago | [YT] | 129