Mission To The Moon
"เลือกจากความชัดเจน ไม่ใช่ความเจ็บปวด" ทำไมการตัดสินใจตอน "เจ็บ" มักพาเราไปผิดทาง?.มีความจริงข้อหนึ่งที่หลายคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะยอมรับได้ นั่นคือ ชีวิตมักจะเจ็บปวดเสมอไม่ว่าจะเลือกทางไหน[ ] ขี้เกียจออกกำลังกาย ก็เจ็บเพราะสุขภาพพัง แต่ถ้าลากตัวไปยิม ก็เจ็บเพราะต้องฝืนใจ [ ] อยู่คนเดียว ก็เจ็บเพราะเหงา มีความสัมพันธ์ ก็เจ็บเพราะต้องเปิดใจและทำงานทางอารมณ์ [ ] นอนดูซีรีส์ทั้งวัน ก็เจ็บเพราะรู้สึกว่างเปล่า แต่พอลุกขึ้นมาทำงาน ก็เจ็บเพราะเหนื่อย.ดังนั้น เราจึงสามารถเห็นธรรมชาติของอารมณ์ได้ว่าไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เจ็บ มีแค่ให้เลือกว่าจะเจ็บแบบไหน แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่มักตัดสินใจตอนที่กำลังเจ็บอยู่ และนั่นคือจุดที่ทำให้เราเลือกผิดทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า..เมื่อสมองถูก "ยึดครอง" โดยอารมณ์.Daniel Goleman นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ Emotional Intelligence (1995) เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "Amygdala Hijack" หรือการที่สมองส่วนอารมณ์ "ยึดครอง" สมองส่วนคิดวิเคราะห์.Amygdala คือชื่อส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ประมวลผลอารมณ์และตอบสนองต่อภัยคุกคาม เมื่อเรารู้สึกเจ็บ เหงา กลัว หรือถูกคุกคาม Amygdala จะทำงานเร็วกว่าสมองส่วน Prefrontal Cortex ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการคิดอย่างมีเหตุผลและการตัดสินใจ.ผลลัพธ์คือ เราตอบสนองโดยไม่ได้คิด เพราะสมองส่วนอารมณ์ "ยึดครอง" สมองส่วนคิดไปก่อนที่เราจะทันได้ใช้เหตุผล นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงตัดสินใจบางอย่างแล้วมานึกหรือเสียใจทีหลังว่า "เพราะอะไร ถึงตัดสินใจไปแบบนั้นนะ / ตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่?"..Pain หรือความเจ็บปวดทำให้เราเห็นโลกบิดเบี้ยว.งานวิจัยของ Mara Mather จาก University of Southern California ที่ตีพิมพ์ใน Current Directions in Psychological Science (2012) พบว่าเมื่อคนเราอยู่ภายใต้ความเครียด สมองจะโฟกัสไปที่ข้อดีของตัวเลือกมากขึ้น และมองข้ามข้อเสียไปอย่างน่าตกใจ.พูดง่ายๆ คือ ตอนที่เราเครียดหรือเจ็บ เราจะมองคนหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะสมองอยากหาทางออกจากความเจ็บปวดโดยเร็วที่สุด.ซึ่งงานวิจัยนี้สามารถอธิบายได้ว่าทำไมคนที่เหงามากๆ ถึงมักเลือกคนที่ "อยู่ใกล้ที่สุดตอนนั้น" แทนที่จะเลือกคนที่ "ใช่จริงๆ" หรือทำไมคนที่เครียดกับงานถึงรีบกระโดดไปงานใหม่ ทั้งที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบว่างานนั้นเป็นงานที่ใช่แล้วหรือยัง.ความเจ็บปวดทำให้เรามองเห็นตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง มองคนอื่นดีกว่าความเป็นจริง รีบคว้าอะไรก็ได้เพื่อปิดรูโหว่ในใจ และเลือกสิ่งที่ทำให้ปัจจุบันหายเจ็บ แทนที่จะเลือกสิ่งที่ทำให้อนาคตดีขึ้น.ปรากฏการณ์นี้แทบไม่ต่างจากการไปซื้อของตอนหิวจัด สุดท้ายก็หอบขนมกลับมาเต็มถุง ทั้งที่ตั้งใจจะซื้อแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น สุดท้ายก็ทำให้หลายๆ คนต้องมานึกเสียดายกับการตัดสินใจในภายหลัง..Pain vs. Choice ต่างกันยังไง?.ลองนึกภาพคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนแล้วรู้สึกเหงามากๆ กับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ แล้วเจอคนที่น่าสนใจ ทั้งสองคนอาจตัดสินใจเริ่มความสัมพันธ์ใหม่เหมือนกัน แต่ "แรงจูงใจ" ที่อยู่เบื้องหลังต่างกันโดยสิ้นเชิง.คนแรกเลือกเพราะอยากหนีจากความเจ็บปวด คนที่สองเลือกเพราะเห็นว่าคนนี้เข้ากับชีวิตที่ตัวเองอยากมี นี่คือความแตกต่างระหว่าง Pain กับ Choice.การตัดสินใจจาก Pain หรือความเจ็บปวด เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความกลัว ความเหงา หรือความต้องการหนีจากความรู้สึกแย่ๆ ตรงหน้า เป้าหมายหลักคือ "ทำให้หายเจ็บตอนนี้" ไม่ใช่ "ทำให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาว" ผลลัพธ์จึงมักเป็นการ "คว้า" อะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ โดยไม่ได้ประเมินว่าสิ่งนั้นเหมาะกับเราจริงหรือไม่.ส่วนการตัดสินใจจาก Choice หรือตัวเลือก เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความชัดเจน ความสงบ และความตั้งใจจริง เป้าหมายคือ "สิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตที่เราอยากมี" ไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นชั่วคราว ผลลัพธ์คือการ "เลือก" อย่างมีสติ โดยประเมินทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งปัจจุบันและอนาคต.คำถามสำคัญที่ช่วยแยกแยะคือ "ถ้าตอนนี้ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้กลัว ไม่ได้เหงา ฉันจะยังเลือกเหมือนเดิมไหม?"ถ้าคำตอบคือ "ใช่" นั่นคือ Choiceถ้าคำตอบคือ "ไม่แน่ใจ" นั่นคือสัญญาณว่า Pain กำลังตัดสินใจแทนเรา..รอให้อารมณ์ผ่านไป แล้วค่อยตัดสินใจด้วย ‘กฎ 90 วินาที’.ถ้าเราตัดสินใจตอนที่อารมณ์กำลังพุ่งสูง ผลลัพธ์มักจะไม่ดี แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนควรรอ ตอนไหนพร้อมเลือก?.Dr. Jill Bolte Taylor นักประสาทวิทยาจาก Harvard และผู้เขียนหนังสือ My Stroke of Insight เสนอแนวคิดที่เรียกว่า "กฎ 90 วินาที" ที่ช่วยให้เราแยกแยะระหว่างอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับอารมณ์ที่เราเลือกจะอยู่กับมันต่อได้ดีขึ้น.เธออธิบายว่าเมื่อเราถูกกระตุ้นทางอารมณ์ สมองจะหลั่งสารเคมีที่ทำให้เราอยู่ในโหมด "สู้หรือหนี" (Fight or Flight) แต่นี่คือจุดสำคัญ สารเคมีเหล่านี้จะถูกขับออกจากร่างกายภายในเวลาประมาณ 90 วินาทีเท่านั้น.นั่นหมายความว่า "คลื่นอารมณ์" ที่ถาโถมเข้ามานั้น จริงๆ แล้วมีอายุสั้นมาก ถ้าเราปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่ตอบสนอง มันจะค่อยๆ จางหายไปเอง..แล้วทำไมอารมณ์ถึงอยู่นานกว่านั้น?.Dr. Taylor ชี้ว่าหากหลังจาก 90 วินาทีผ่านไปแล้ว เรายังคงรู้สึกโกรธ กลัว หรือเจ็บปวดอยู่ นั่นไม่ใช่เพราะสารเคมีในร่างกายอีกต่อไป แต่เป็นเพราะเรา "เลือก" ที่จะอยู่ในวงจรอารมณ์นั้นต่อ.เราเลือกโดยการคิดถึงเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่าเรื่องเดิมในหัวไม่หยุด ซึ่งทุกครั้งที่คิด สมองก็จะหลั่งสารเคมีชุดใหม่ออกมาอีก วนเป็นลูปไม่รู้จบ พูดง่ายๆ คือ 90 วินาทีแรกเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย แต่หลังจากนั้นเป็น "ทางเลือก" ของเรา.เมื่อรู้สึกถูกกระตุ้นทางอารมณ์อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเจ็บ หรือความกลัว ให้ลองทำตามขั้นตอนนี้.[ ] ขั้นแรก หยุดก่อน อย่าตอบสนองทันที ถ้าเป็นไปได้ ให้มองนาฬิกาหรือจับเวลา 90 วินาที.[ ] ขั้นที่สอง หายใจลึกๆ โฟกัสที่ลมหายใจ สังเกตว่าร่างกายรู้สึกอย่างไร หัวใจเต้นเร็วขึ้นไหม ไหล่เกร็งไหม มือสั่นไหม.[ ] ขั้นที่สาม ปล่อยให้คลื่นผ่านไป อย่าพยายามกดอารมณ์ แต่ก็อย่าเติมเชื้อไฟด้วยการคิดวนซ้ำ แค่สังเกตมันเหมือนดูคลื่นในทะเลที่ซัดเข้ามาแล้วก็ถอยออกไป.[ ] ขั้นสุดท้าย เมื่อ 90 วินาทีผ่านไป ค่อยถามตัวเองว่า "ตอนนี้ฉันพร้อมตัดสินใจด้วยความชัดเจนหรือยัง?" ถ้ายังไม่พร้อม ก็รอต่อได้ ไม่มีใครบังคับให้ต้องรีบ.เพราะการตัดสินใจที่ดีที่สุดมักไม่ได้เกิดขึ้นในช่วง 90 วินาทีแรกที่อารมณ์พุ่งสูง การที่เราให้เวลาตัวเองแค่ 90 วินาที อาจเป็นความแตกต่างระหว่างการพูดอะไรบางอย่างที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง กับการตอบสนองอย่างมีสติที่เราภูมิใจได้.ดังนั้น 90 วินาทีนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่มันอาจเปลี่ยนทิศทางของการตัดสินใจครั้งสำคัญได้ทั้งหมด.[ ] ลองใช้หลักนี้กับความรัก ก่อนจะให้ใจใคร ลองถามตัวเองตรงๆ ว่า"ฉันชอบเขา หรือฉันแค่ไม่อยากอยู่คนเดียว?""ฉันอยากให้เขาเข้ามา หรืออยากให้ความเหงาหายไป?""ฉันเลือกเขาเพราะเขาดีจริง หรือเพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้?"ถ้าคำตอบคือข้อหลัง นั่นคือสัญญาณว่าเรากำลังเลือกจาก Pain ไม่ใช่ Choice.[ ] ลองใช้กับงานและโอกาสงานที่ดีคืองานที่ "ใช่" ในระยะยาว ไม่ใช่งานที่แค่ช่วยให้เราหนีจากเจ้านายเดิม หนีความเบื่อ หรือหนีปัญหาที่ยังไม่ได้แก้Choice จะถามว่า "งานนี้พาเราไปชีวิตที่อยากมีไหม?"Pain จะถามแค่ว่า "งานนี้ทำให้หายเครียดตอนนี้ไหม?"..เพราะความจริงที่หลายๆ คนยังนึกไม่ถึงก็คือ เป็นเรื่องปกติที่ชีวิตจะต้องพบกับความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเลือกทางไหน แต่ถ้าต้องเจ็บก็ควรเลือกความเจ็บที่คุ้มค่า และที่สำคัญกว่านั้น คืออย่าเลือกตอนที่ใจกำลังเจ็บ.การตัดสินใจที่ดี ต้องเกิดตอนที่ใจเรานิ่งพอจะเห็นความจริงและเลือกจากความตัวเลือกที่ชัดเจน ไม่ใช่เลือกเพราะหลีกหนีจากความเจ็บปวด..อ้างอิง- Amygdala Hijack: When Emotion Takes Over: Kimberly Holland, Healthline - bit.ly/4pMie7C- Choose Your Pain: Life Hurts Anyway, So Pick the One That Builds You: Aishwarya, Medium - bit.ly/48JivlQ..#Life#MentalHealth#EmotionalIntelligence#MissionToTheMoon#MissionToTheMoonPodcast
1 week ago | [YT] | 221
Mission To The Moon
"เลือกจากความชัดเจน ไม่ใช่ความเจ็บปวด" ทำไมการตัดสินใจตอน "เจ็บ" มักพาเราไปผิดทาง?
.
มีความจริงข้อหนึ่งที่หลายคนใช้เวลาหลายปีกว่าจะยอมรับได้ นั่นคือ ชีวิตมักจะเจ็บปวดเสมอไม่ว่าจะเลือกทางไหน
[ ] ขี้เกียจออกกำลังกาย ก็เจ็บเพราะสุขภาพพัง แต่ถ้าลากตัวไปยิม ก็เจ็บเพราะต้องฝืนใจ
[ ] อยู่คนเดียว ก็เจ็บเพราะเหงา มีความสัมพันธ์ ก็เจ็บเพราะต้องเปิดใจและทำงานทางอารมณ์
[ ] นอนดูซีรีส์ทั้งวัน ก็เจ็บเพราะรู้สึกว่างเปล่า แต่พอลุกขึ้นมาทำงาน ก็เจ็บเพราะเหนื่อย
.
ดังนั้น เราจึงสามารถเห็นธรรมชาติของอารมณ์ได้ว่าไม่มีทางเลือกไหนที่ไม่เจ็บ มีแค่ให้เลือกว่าจะเจ็บแบบไหน แต่ปัญหาคือ คนส่วนใหญ่มักตัดสินใจตอนที่กำลังเจ็บอยู่ และนั่นคือจุดที่ทำให้เราเลือกผิดทางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
.
.
เมื่อสมองถูก "ยึดครอง" โดยอารมณ์
.
Daniel Goleman นักจิตวิทยาผู้เขียนหนังสือ Emotional Intelligence (1995) เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า "Amygdala Hijack" หรือการที่สมองส่วนอารมณ์ "ยึดครอง" สมองส่วนคิดวิเคราะห์
.
Amygdala คือชื่อส่วนของสมองที่ทำหน้าที่ประมวลผลอารมณ์และตอบสนองต่อภัยคุกคาม เมื่อเรารู้สึกเจ็บ เหงา กลัว หรือถูกคุกคาม Amygdala จะทำงานเร็วกว่าสมองส่วน Prefrontal Cortex ซึ่งเป็นส่วนที่ควบคุมการคิดอย่างมีเหตุผลและการตัดสินใจ
.
ผลลัพธ์คือ เราตอบสนองโดยไม่ได้คิด เพราะสมองส่วนอารมณ์ "ยึดครอง" สมองส่วนคิดไปก่อนที่เราจะทันได้ใช้เหตุผล นี่คือเหตุผลว่าทำไมหลายคนถึงตัดสินใจบางอย่างแล้วมานึกหรือเสียใจทีหลังว่า "เพราะอะไร ถึงตัดสินใจไปแบบนั้นนะ / ตอนนั้นเราคิดอะไรอยู่?"
.
.
Pain หรือความเจ็บปวดทำให้เราเห็นโลกบิดเบี้ยว
.
งานวิจัยของ Mara Mather จาก University of Southern California ที่ตีพิมพ์ใน Current Directions in Psychological Science (2012) พบว่าเมื่อคนเราอยู่ภายใต้ความเครียด สมองจะโฟกัสไปที่ข้อดีของตัวเลือกมากขึ้น และมองข้ามข้อเสียไปอย่างน่าตกใจ
.
พูดง่ายๆ คือ ตอนที่เราเครียดหรือเจ็บ เราจะมองคนหรือสิ่งที่อยู่ตรงหน้าดีกว่าความเป็นจริงเสมอ เพราะสมองอยากหาทางออกจากความเจ็บปวดโดยเร็วที่สุด
.
ซึ่งงานวิจัยนี้สามารถอธิบายได้ว่าทำไมคนที่เหงามากๆ ถึงมักเลือกคนที่ "อยู่ใกล้ที่สุดตอนนั้น" แทนที่จะเลือกคนที่ "ใช่จริงๆ" หรือทำไมคนที่เครียดกับงานถึงรีบกระโดดไปงานใหม่ ทั้งที่ยังไม่ได้คิดให้รอบคอบว่างานนั้นเป็นงานที่ใช่แล้วหรือยัง
.
ความเจ็บปวดทำให้เรามองเห็นตัวเองต่ำกว่าความเป็นจริง มองคนอื่นดีกว่าความเป็นจริง รีบคว้าอะไรก็ได้เพื่อปิดรูโหว่ในใจ และเลือกสิ่งที่ทำให้ปัจจุบันหายเจ็บ แทนที่จะเลือกสิ่งที่ทำให้อนาคตดีขึ้น
.
ปรากฏการณ์นี้แทบไม่ต่างจากการไปซื้อของตอนหิวจัด สุดท้ายก็หอบขนมกลับมาเต็มถุง ทั้งที่ตั้งใจจะซื้อแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น สุดท้ายก็ทำให้หลายๆ คนต้องมานึกเสียดายกับการตัดสินใจในภายหลัง
.
.
Pain vs. Choice ต่างกันยังไง?
.
ลองนึกภาพคนที่เพิ่งเลิกกับแฟนแล้วรู้สึกเหงามากๆ กับคนที่ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ แล้วเจอคนที่น่าสนใจ ทั้งสองคนอาจตัดสินใจเริ่มความสัมพันธ์ใหม่เหมือนกัน แต่ "แรงจูงใจ" ที่อยู่เบื้องหลังต่างกันโดยสิ้นเชิง
.
คนแรกเลือกเพราะอยากหนีจากความเจ็บปวด คนที่สองเลือกเพราะเห็นว่าคนนี้เข้ากับชีวิตที่ตัวเองอยากมี นี่คือความแตกต่างระหว่าง Pain กับ Choice
.
การตัดสินใจจาก Pain หรือความเจ็บปวด เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความกลัว ความเหงา หรือความต้องการหนีจากความรู้สึกแย่ๆ ตรงหน้า เป้าหมายหลักคือ "ทำให้หายเจ็บตอนนี้" ไม่ใช่ "ทำให้ชีวิตดีขึ้นในระยะยาว" ผลลัพธ์จึงมักเป็นการ "คว้า" อะไรก็ได้ที่อยู่ใกล้มือ โดยไม่ได้ประเมินว่าสิ่งนั้นเหมาะกับเราจริงหรือไม่
.
ส่วนการตัดสินใจจาก Choice หรือตัวเลือก เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากความชัดเจน ความสงบ และความตั้งใจจริง เป้าหมายคือ "สิ่งที่สอดคล้องกับชีวิตที่เราอยากมี" ไม่ใช่แค่สิ่งที่ทำให้รู้สึกดีขึ้นชั่วคราว ผลลัพธ์คือการ "เลือก" อย่างมีสติ โดยประเมินทั้งข้อดีและข้อเสีย ทั้งปัจจุบันและอนาคต
.
คำถามสำคัญที่ช่วยแยกแยะคือ "ถ้าตอนนี้ไม่ได้เจ็บ ไม่ได้กลัว ไม่ได้เหงา ฉันจะยังเลือกเหมือนเดิมไหม?"
ถ้าคำตอบคือ "ใช่" นั่นคือ Choice
ถ้าคำตอบคือ "ไม่แน่ใจ" นั่นคือสัญญาณว่า Pain กำลังตัดสินใจแทนเรา
.
.
รอให้อารมณ์ผ่านไป แล้วค่อยตัดสินใจด้วย ‘กฎ 90 วินาที’
.
ถ้าเราตัดสินใจตอนที่อารมณ์กำลังพุ่งสูง ผลลัพธ์มักจะไม่ดี แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าตอนไหนควรรอ ตอนไหนพร้อมเลือก?
.
Dr. Jill Bolte Taylor นักประสาทวิทยาจาก Harvard และผู้เขียนหนังสือ My Stroke of Insight เสนอแนวคิดที่เรียกว่า "กฎ 90 วินาที" ที่ช่วยให้เราแยกแยะระหว่างอารมณ์ที่เกิดขึ้นจริงกับอารมณ์ที่เราเลือกจะอยู่กับมันต่อได้ดีขึ้น
.
เธออธิบายว่าเมื่อเราถูกกระตุ้นทางอารมณ์ สมองจะหลั่งสารเคมีที่ทำให้เราอยู่ในโหมด "สู้หรือหนี" (Fight or Flight) แต่นี่คือจุดสำคัญ สารเคมีเหล่านี้จะถูกขับออกจากร่างกายภายในเวลาประมาณ 90 วินาทีเท่านั้น
.
นั่นหมายความว่า "คลื่นอารมณ์" ที่ถาโถมเข้ามานั้น จริงๆ แล้วมีอายุสั้นมาก ถ้าเราปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่ตอบสนอง มันจะค่อยๆ จางหายไปเอง
.
.
แล้วทำไมอารมณ์ถึงอยู่นานกว่านั้น?
.
Dr. Taylor ชี้ว่าหากหลังจาก 90 วินาทีผ่านไปแล้ว เรายังคงรู้สึกโกรธ กลัว หรือเจ็บปวดอยู่ นั่นไม่ใช่เพราะสารเคมีในร่างกายอีกต่อไป แต่เป็นเพราะเรา "เลือก" ที่จะอยู่ในวงจรอารมณ์นั้นต่อ
.
เราเลือกโดยการคิดถึงเรื่องเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า เล่าเรื่องเดิมในหัวไม่หยุด ซึ่งทุกครั้งที่คิด สมองก็จะหลั่งสารเคมีชุดใหม่ออกมาอีก วนเป็นลูปไม่รู้จบ พูดง่ายๆ คือ 90 วินาทีแรกเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติของร่างกาย แต่หลังจากนั้นเป็น "ทางเลือก" ของเรา
.
เมื่อรู้สึกถูกกระตุ้นทางอารมณ์อย่างรุนแรง ไม่ว่าจะเป็นความโกรธ ความเจ็บ หรือความกลัว ให้ลองทำตามขั้นตอนนี้
.
[ ] ขั้นแรก หยุดก่อน อย่าตอบสนองทันที ถ้าเป็นไปได้ ให้มองนาฬิกาหรือจับเวลา 90 วินาที
.
[ ] ขั้นที่สอง หายใจลึกๆ โฟกัสที่ลมหายใจ สังเกตว่าร่างกายรู้สึกอย่างไร หัวใจเต้นเร็วขึ้นไหม ไหล่เกร็งไหม มือสั่นไหม
.
[ ] ขั้นที่สาม ปล่อยให้คลื่นผ่านไป อย่าพยายามกดอารมณ์ แต่ก็อย่าเติมเชื้อไฟด้วยการคิดวนซ้ำ แค่สังเกตมันเหมือนดูคลื่นในทะเลที่ซัดเข้ามาแล้วก็ถอยออกไป
.
[ ] ขั้นสุดท้าย เมื่อ 90 วินาทีผ่านไป ค่อยถามตัวเองว่า "ตอนนี้ฉันพร้อมตัดสินใจด้วยความชัดเจนหรือยัง?" ถ้ายังไม่พร้อม ก็รอต่อได้ ไม่มีใครบังคับให้ต้องรีบ
.
เพราะการตัดสินใจที่ดีที่สุดมักไม่ได้เกิดขึ้นในช่วง 90 วินาทีแรกที่อารมณ์พุ่งสูง การที่เราให้เวลาตัวเองแค่ 90 วินาที อาจเป็นความแตกต่างระหว่างการพูดอะไรบางอย่างที่ต้องมานั่งเสียใจทีหลัง กับการตอบสนองอย่างมีสติที่เราภูมิใจได้
.
ดังนั้น 90 วินาทีนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นาน แต่มันอาจเปลี่ยนทิศทางของการตัดสินใจครั้งสำคัญได้ทั้งหมด
.
[ ] ลองใช้หลักนี้กับความรัก ก่อนจะให้ใจใคร ลองถามตัวเองตรงๆ ว่า
"ฉันชอบเขา หรือฉันแค่ไม่อยากอยู่คนเดียว?"
"ฉันอยากให้เขาเข้ามา หรืออยากให้ความเหงาหายไป?"
"ฉันเลือกเขาเพราะเขาดีจริง หรือเพราะเขาอยู่ใกล้ที่สุดตอนนี้?"
ถ้าคำตอบคือข้อหลัง นั่นคือสัญญาณว่าเรากำลังเลือกจาก Pain ไม่ใช่ Choice
.
[ ] ลองใช้กับงานและโอกาส
งานที่ดีคืองานที่ "ใช่" ในระยะยาว ไม่ใช่งานที่แค่ช่วยให้เราหนีจากเจ้านายเดิม หนีความเบื่อ หรือหนีปัญหาที่ยังไม่ได้แก้
Choice จะถามว่า "งานนี้พาเราไปชีวิตที่อยากมีไหม?"
Pain จะถามแค่ว่า "งานนี้ทำให้หายเครียดตอนนี้ไหม?"
.
.
เพราะความจริงที่หลายๆ คนยังนึกไม่ถึงก็คือ เป็นเรื่องปกติที่ชีวิตจะต้องพบกับความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเลือกทางไหน แต่ถ้าต้องเจ็บก็ควรเลือกความเจ็บที่คุ้มค่า และที่สำคัญกว่านั้น คืออย่าเลือกตอนที่ใจกำลังเจ็บ
.
การตัดสินใจที่ดี ต้องเกิดตอนที่ใจเรานิ่งพอจะเห็นความจริง
และเลือกจากความตัวเลือกที่ชัดเจน ไม่ใช่เลือกเพราะหลีกหนีจากความเจ็บปวด
.
.
อ้างอิง
- Amygdala Hijack: When Emotion Takes Over: Kimberly Holland, Healthline - bit.ly/4pMie7C
- Choose Your Pain: Life Hurts Anyway, So Pick the One That Builds You: Aishwarya, Medium - bit.ly/48JivlQ
.
.
#Life
#MentalHealth
#EmotionalIntelligence
#MissionToTheMoon
#MissionToTheMoonPodcast
1 week ago | [YT] | 221