Mission To The Moon

ถ้าการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตในช่วงนี้ทำให้เราโมโห หงุดหงิดและรู้สึกยุ่งยากกว่าเดิม ไม่แน่ว่าเราอาจกำลังเข้าสู่ ‘ยุค AI Slop’ หรือยุคล่มจมของโลกอินเทอร์เน็ตแล้วก็ได้
.
หากลองสังเกตดู เดี๋ยวนี้เวลาจะค้นหาอะไรทางอินเทอร์เน็ตก็เจอแต่หน้าเว็บไซต์หรือเพจที่แฝงโฆษณาจากสปอนเซอร์ แต่เนื้อหาข้อมูลข้างในกลับใช้ประโยชน์ไม่ได้
.
หรือบางครั้งเครื่องมือค้นหาที่สร้างขึ้นจาก AI ก็นำเสนอแต่ข้อมูลที่เชื่อถือไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดและผลกระทบ เช่น ด้านวิทยาศาสตร์ การแพทย์ หรือข้อมูลข่าวสารสำคัญ
.
ทั้งนี้ก็เพราะ AI มีบทบาทกับชีวิตของเราเพิ่มมากขึ้น จากที่เคยเป็นตัวช่วยของคนทำงานแค่บางสาขาอาชีพก็กลายเป็นเครื่องมือที่ใครต่อใครต้องเรียนรู้ และปรับตัวเข้าหายุคที่ AI กำลังจะครองโลก
.
แต่ในหลายครั้งความง่าย ความสะดวกสบาย หรือความไวซึ่งเป็นคุณสมบัติเด่นของ AI ก็ก่อให้เกิด ‘ยุคล่มจม’ ของโลกแห่งอินเทอร์เน็ต จนผู้เชี่ยวชาญบัญญัติศัพท์ว่า ‘AI Slop’ และ ‘Enshittification’ ที่สะท้อนถึงความเสื่อมถอยของอุตสาหกรรมอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยี
.
แล้ว ‘AI Slop’ และ ‘Enshittification’ ที่ว่านี้คืออะไรกันแน่? และที่สำคัญกว่านั้นเราในฐานะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต สื่อออนไลน์ รวมถึงเครื่องมือ AI ทั้งหลายจะต้องรับมืออย่างไร?
.
.
คุณภาพของข้อมูลแย่ลงไม่พอ ยังต้อง ‘จ่ายเงินเพิ่ม’ เพื่อเข้าถึงข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้
.
ก่อนที่โลกจะคุ้นเคยกับสิ่งที่เรียกว่า AI การใช้งานอินเทอร์เน็ต หมายถึง เมื่อเรากดค้นหาข้อมูลของอะไรสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสินค้า ผลิตภัณฑ์ หรือต้องการหาความรู้ถึงสิ่งที่สงสัย เรามักจะต้องกดเข้าไปอ่านเนื้อหาจากหลายๆ เว็บไซต์เพื่อคัดกรองเฉพาะข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากที่สุด ซึ่งหากใครมีเวลาจำกัดก็มักจะเชื่อถือเว็บไซต์แรกที่ถูกนำมาแสดงผล
.
ซึ่งเมื่อเทียบกับยุคนี้ที่เว็บไซต์แฝงโฆษณาหรือสปอนเซอร์มักจะถูกนำมาแสดงเป็นอันดับแรกๆ เท่านั้นยังไม่พอ เครื่องมือการค้นหายังเปิดให้ AI สามารถเจนฯ คำตอบขึ้นมา ซึ่งสิ่งที่แสดงผลออกมานั้นไม่มีการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงเราในฐานะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตเองก็ยังไม่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้อีกด้วย
.
ยิ่งไปกว่านั้น ในกลุ่มคนทำงานจะรู้กันดีว่า AI คุณภาพที่สามารถเป็น ‘เครื่องมือช่วย’ ของเราได้จริงๆ ทั้งในแง่ของความสะดวก ความรวดเร็ว และคุณภาพที่ดีกว่าล้วนเป็นเครื่องมือ AI ที่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม เช่น เครื่องมือหรือโหมด Research ของ Generative AI บางตัว
.
ทั้งหมดนี้คือปรากฏการณ์ที่พบเห็นได้ชัดของการเสื่อมถอยของยุคอินเทอร์เน็ตที่มี AI เป็นตัวขับเคลื่อนหลัก จนกลายเป็นที่มาของคำศัพท์ที่ว่า “AI Slop” หรือสื่อคอนเทนต์คุณภาพต่ำไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ หรือคลิปวิดีโอ ที่ถูกสร้างขึ้นโดย AI ซึ่งการเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายของ AI Slop ก็ทำให้ผู้เชี่ยวชาญต่างศึกษาถึงที่มาและสาเหตุที่ทำให้เนื้อหาของข้อมูลบนโลกอินเทอร์เน็ตเสื่อมคุณภาพลง
.
ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่เป็นทั้งนักเขียน นักพูด นักข่าวและนักเคลื่อนไหวชาวแคนาดา-อังกฤษอย่าง Cory Doctorow ได้บัญญัติศัพท์คำหนึ่ง ซึ่งได้รับความนิยมในกลุ่มของนักเศรษฐศาสตร์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ ในเวลาต่อมา นั่นคือคำว่า “Enshittification” ด้วยเช่นกัน
.
Cory Doctorow ได้ระบุว่า “Enshittification” คำคำนี้สะท้อนให้เห็นความเสื่อมถอย ความล่มจม หรือคุณภาพที่ลดลงซึ่งไม่ได้เกิดจากความผิดพลาด แต่เป็นวัฏจักรที่ผู้ผลิตคอนเทนต์หรือ AI จงใจที่จะเปลี่ยนเราในฐานะ ‘ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต’ เป็นแหล่งรายได้สูงสุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด AI Slop ในปัจจุบัน
.
กล่าวคือ แพลตฟอร์มหรือผู้ผลิตคอนเทนต์ รวมถึงผู้ให้บริการ AI เจ้าต่างๆ จะใช้กลยุทธ์สร้างรายได้ด้วยการดึงลดคุณภาพของข้อมูลเนื้อหาลง เพื่อเรียกร้องให้ผู้บริโภคยอมจ่ายเงินมากขึ้น ซึ่งน้อยคนนักที่จะต้านทาน เพราะกลยุทธ์ต่างๆ ถูกออกแบบมาอย่างแยบยล และแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะต่อต้านการซื้อเครื่องมือ AI ที่ให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าแม้จะต้องจ่ายแพงกว่า ในยุคที่ทุกคนมี AI แพ็กเกจพื้นฐานติดตัว
.
แล้วกลยุทธ์ ‘Enshittification’ ของผู้ผลิตที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์ AI Slop ตามความเห็นของ Cory Doctorow นั้นทำงานอย่างไร?
.
[ ] ขั้นแรก: ทุ่มทุนพัฒนา AI เพื่อซื้อใจ มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งาน
.
ในยุคเริ่มต้น แพลตฟอร์มจะระดมทุนมหาศาลจากนักลงทุน และใช้เงินเหล่านั้นเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับคนทั่วไป โดยในช่วงแรกแพลตฟอร์มจะเน้น ‘ผู้ใช้งานทั่วไป’ เป็นศูนย์กลาง และมอบความสะดวก สิทธิพิเศษ รวมถึงแพ็กเกจเสริมอื่นๆ ในราคาที่ต่ำกว่าทุน ซึ่งในกระบวนการแรกผู้คนก็จะสามารถเข้าถึงเครื่องมือ AI คุณภาพได้อย่างทั่วถึง และเคยชินกับการมี AI เป็นทางลัดของชีวิตในทุกวัน
.
[ ] ขั้นที่ 2: เริ่มถือไพ่เหนือกว่าผู้ใช้งาน
.
เมื่อผู้ใช้งาน AI เริ่มมีหลากหลายมากขึ้น ทั้ง Personal User และ Business User เราจะเริ่มรู้สึกว่าแพลตฟอร์มไม่มีทางเลือกที่ดีกว่าเสนอให้กับเราอีกแล้ว นี่จะเป็นช่วงที่แพลตฟอร์มหรือผู้พัฒนา AI จะเริ่มลดผลประโยชน์ของ ‘ผู้ใช้งานบัญชีทั่วไป’ หรือ Personal User เช่น การติดลิมิตเพื่อจำกัดเวลาหรือปริมาณข้อมูลในแต่ละครั้งของการใช้งาน หรือเสนอให้จ่ายเงินเพิ่มเพื่อซื้อฟังก์ชันที่มีประโยชน์อื่นๆ เพิ่มเติม
.
ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มจะเริ่มหันไปมอบผลประโยชน์ให้กับพันธมิตรทางธุรกิจแทน เช่น อนุญาตให้ธุรกิจสามารถปรับอัลกอริทึม เพื่อให้สินค้าของตนเองปรากฏเป็นอันดับต้นๆ ในการค้นหา เป็นต้น
.
[ ] ขั้นสุดท้าย: ลดคุณภาพเพื่อกำไรสูงสุด
.
ท้ายที่สุด เมื่อผู้ใช้งานทั่วไปและผู้ใช้งานแบบธุรกิจถูกระบบจดจำข้อมูล รวมถึงพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตแล้ว แพลตฟอร์มก็จะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการลดคุณภาพทั้งหมดกลับคืนไปเพื่อมอบกำไรให้กับผู้ถือหุ้นและตัวแพลตฟอร์มเอง
.
ผู้ใช้งานจะรู้สึกว่าต้อง ‘ยอมจ่าย’ ค่าธรรมเนียมในราคาที่สูงขึ้น เพื่อเข้าถึงคุณภาพของ AI หรือเครื่องมืออัลกอริทึมที่จำเป็นกับธุรกิจของตัวเองมากขึ้น
.
นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราต้องเผชิญกับ AI Slop ทั้งเครื่องมือค้นหาที่แย่ลง ทั้งผลการค้นหาคุณภาพต่ำ และในบางครั้งก็เต็มไปด้วยโฆษณา สปอนเซอร์ ซึ่งไม่ตรงกับข้อมูลที่อยากได้ โดยทางเลือกเดียวที่จะช่วยให้เราเข้าถึง ‘คุณภาพ’ ซึ่งเป็นมาตรฐานเดิมได้ก็คือการจ่ายเงินเพิ่มเท่านั้น
.
แล้วเราในฐานะที่เป็นผู้บริโภคหรือ ‘ผู้ใช้งานทั่วไป’ ในโลกอินเทอร์เน็ตจะทวงคืนสิทธิ์ของตัวเองได้อย่างไร?
.
.
รับมือกับ Enshittification และโลกที่เต็มไปด้วย AI Slop
.
แม้ว่าการต่อสู้กับกระแสของ AI และการแข่งกับภาคธุรกิจจะเป็นเรื่องใหญ่ อีกทั้งยังดูจะไม่ได้สร้างแรงเปลี่ยนแปลงอะไรมากในความคิดของใครบางคน แต่วิธีที่ Misison To The Moon ได้รวบรวมมาจากบทความ Medium นี้อาจจะช่วยให้ทุกคนเห็นทางออกที่สามารถเริ่มต้นที่ตัวเองได้
.
โดยวิธีทวงคืนคุณค่าของการค้นคว้า และพัฒนาคุณภาพของสื่อคอนเทนต์ในอินเทอร์เน็ตในยุค AI Slop มีดังต่อไปนี้
.
[ ] ฝึกฝนวิจารณญาณเพื่อแยกแยะระหว่าง AI Slop กับ ‘ข้อมูลคุณภาพ’
.
เราในฐานะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตและผู้เสพคอนเทนต์จะต้องมีวิจารณญาณมากขึ้นในการสังเกต วิเคราะห์ และแยกแยะระหว่าง ‘ข้อมูลหรือเนื้อหาที่มีคุณภาพ’ ออกจาก AI Slop โดยเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงจะต้องใช้ความตั้งใจ ใช้เวลา และสะท้อนความเป็นมนุษย์
.
โดยเนื้อหาที่สร้างจากมนุษย์จะให้ความรู้สึกจริงใจ จุดประกาย หรือเชื่อมโยงกับเรา แต่หากเนื้อหาของคอนเทนต์ใดก็ตามที่เรียบง่ายเกินไป ไวเกินไป หรือสมบูรณ์แบบเกินไปอาจเป็นสัญญาณของ AI Slop ที่ถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็วและเน้นปริมาณก็ได้
.
[ ] ให้ความสำคัญกับ ‘ความสร้างสรรค์’ ของมนุษย์
.
ทางออกที่ทรงพลังที่สุดในการรับมือกับ AI Slop คือตัวผู้เสพคอนเทนต์ หรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตต้องให้ความสำคัญกับ ‘ความสร้างสรรค์ที่สร้างโดยมนุษย์’ จริงๆ รวมถึงให้คุณค่ากับความพยายามในการบ่มเพาะและฝึกฝนทักษะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลงานศิลปะ หรือผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม
.
ยิ่งไปกว่านั้น กุญแจสำคัญคือต้องให้คุณค่ากับงานสร้างสรรค์ที่ไม่ได้ทำเงิน หรือเน้นปริมาณเพื่อให้ทันเทรนด์ในโลกออนไลน์ เพราะประสบการณ์และการฝึกฝนของคนคนหนึ่งจะสะท้อนถึงความเป็นมนุษย์ผ่านผลงานได้ดีกว่า และสามารถส่งต่อคุณค่าที่ไม่ใช่ตัวเงินได้ดีกว่าด้วย ซึ่งถ้าเราสนับสนุนงานสร้างสรรค์ประเภทนี้ก็จะช่วยให้ผู้สร้างคอนเทนต์มีกำลังใจในการผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพสู่โลกอินเทอร์เน็ตมากขึ้น
.
.
Enshittification และ AI Slop เป็นสัญญาณเตือนว่าโลกกำลังหมุนตามแรงขับเคลื่อนของเงินทุนและกระแสใหม่ ๆ อย่างไม่หยุดยั้ง ซึ่งบ่อนทำลายคุณภาพของอินเทอร์เน็ตที่เรารู้จัก
.
แต่ถึงแม้โลกดิจิทัลจะเปลี่ยนไปจนแทบจะ 'กลับตาลปัตร' เรายังคงมีอำนาจในการเลือกที่จะเสพและสนับสนุนคอนเทนต์อย่างมีวิจารณญาณ และเลือกที่จะเป็นผู้สร้างสรรค์ที่ใช้เวลา ความรู้สึก และความจริงใจในการผลิตงานที่มีคุณภาพ
.
การยืนหยัดว่าคุณค่าของมนุษย์ไม่ได้ถูกกำหนดด้วยอัลกอริทึม คือการต่อสู้ที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังที่สุด ในการทวงคืนความสุขของการสร้างสรรค์ และเอาชนะอิทธิพลของ AI Slop ที่กำลังครอบงำโลกของเราอยู่ในปัจจุบัน
.
.
อ้างอิง
- How Much Worse Could the Internet Get?: Jacob Bacharach, The New Republic - bit.ly/48iZKpp
- How to escape the AI era of internet enshittification: ItsCocobee, Medium - bit.ly/48tAbAB
.
.
#enshittification
#AISlop
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast

1 week ago | [YT] | 44