BorntoDev

QA เป๊ะ เช็กยันเงา - Bug ตัวดี หนีไม่รอด 😱
.
✨ มาต่อกันที่บันทึกโปรเจกต์ลับ EP.4 วันนี้ถึงคิวของ นักส่องบั๊กผู้สร้าง “ความมั่นใจ” ให้ทุกคนในทีม แบบใช้หลักฐาน ไม่ใช่ความรู้สึก 😎
.
ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึง QA สุดเป๊ะ ผู้ควบคุมให้ทุกชิ้นงานของเรา “มีคุณภาพก่อนปล่อย” ลดความเสี่ยงให้ธุรกิจ และปกป้องประสบการณ์ผู้ใช้ตั้งแต่คลิกแรกจนถึงแอคชันสุดท้าย
.
🧨 ซึ่งเรามีเคสเกี่ยวกับ QA ที่หลายทีมเจอบ่อยไม่ว่าจะเป็น
- บั๊กโผล่บน Production ทั้งที่เทสต์ครบ
>> เพราะไม่ได้กำหนด Test Strategy ที่ชัดเจนแต่แรก, เทสต์บน Environment ที่แตกต่างจาก Production มากเกินไป, เขียน Test Cases ที่ Coverage ต่ำ ไม่ครอบคลุมทุกฟีเจอร์
>> ทำให้บั๊กหลุดไปถึงมือผู้ใช้งาน (Defect Leakage) จนต้องกลับมาย้อนแก้ไข หลายครั้งที่ส่งผลให้งบการดำเนินงานสูงขึ้น
.
- งานเร่งพร้อมกันทุกโปรเจกต์ ทำให้เทสต์ไม่ทันเปิดตัว
>> เพราะตำแหน่ง QA ในทีมมีอย่างจำกัด รวมถึงไม่ได้มีการจัดเตรียมข้อมูลสำหรับเทสต์ (Test Data) ไว้ล่วงหน้า
>> ทำให้ต้องตัด Test Cases บางอย่างออก หนึ่งในนั้นอาจเป็นเคสสำคัญ อาจเสี่ยงที่จะพังหลังปล่อยสูง และหากมีการใช้ข้อมูลจริงในการเทสต์ อาจเสี่ยงข้อมูลรั่วไหลเพิ่ม
.
- ทีมยังคงเทสต์กันแบบ Manual ไม่ใช่ Automated Test
>> เพราะไม่มีระบบเทสต์อัตโนมัติ (Test automation) รวมถึงคนในทีมขาดทักษะสำหรับ Automated Test
>> ทำให้ได้ผลการเทสต์ที่ไม่เสถียร (Flaky Test), Deploy ได้ช้า เนื่องจากยังรายงานและติดตามแก้ไขกันแบบ Manual
.
💡 ทางแก้ที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
– กำหนด Test Strategy ให้มีเป้าหมายและขอบเขตของการเทสต์อย่างชัดเจน, จำลอง Environment สำหรับเทสต์ให้ใกล้เคียงกับ Production มากที่สุด พร้อมจัดทำ Regression Suite ซึ่งเป็นชุดทดสอบที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่าโค้ดเดิมยังไม่พัง แม้ว่าจะมีการใส่โค้ดใหม่เข้าไปเพิ่ม
.
– เทสต์โดยอิงจากความเสี่ยง (Risk-Based Testing: RBT) กรณีที่มีเวลาเทสต์แบบจำกัดและกระชั้นชิด ให้มุ่งเทสต์ไปที่ฟังก์ชันที่ ""สำคัญที่สุด"" และ ""เสี่ยงที่จะพังที่สุด"" พร้อมเตรียมข้อมูลสำหรับใช้ทดสอบไว้แต่เนิ่นๆ ป้องกันไม่ให้เสียเวลาไปกับการสร้างข้อมูลใหม่ หรือเสี่ยงใช้ข้อมูลจริงมาทดสอบ
.
– เปลี่ยนรูปแบบจาก Manual Testing เป็น Automated Testing ด้วยการใช้ระบบ Test Automation อย่าง Postman/REST Assured สำหรับทดสอบ API หรืออย่าง Cypress/Playwright สำหรับทดสอบ UI และหากผูกกระบวนการนี้เข้ากับ CI/CD (Continuous Integration/Continuous Deployment) จะทำให้ทุกครั้งที่โค้ดใหม่เข้ามา (commit/PR) ระบบจะทดสอบให้ทันที เป็นการย่นเวลาทำงานและปล่อยของได้เร็วและเสถียรขึ้น
.
🚀 อัปสกิล QA ให้ทำงานเร็วขึ้นแต่ยังคงความเป๊ะไว้ ด้วยหลักสูตรแนะนำจาก borntoDev แบบจัดเต็ม
✅ Effective Software Testing (1 วัน) ใช้ Test Strategy/Acceptance Criteria, ออกแบบ Test Case/Regression Suite ให้การเทสต์เป็นระบบมากขึ้น
✅ Automated Testing with Cypress (1 วัน) ครอบคลุมการทดสอบ UI ด้วยเขียน Test แบบ Data-driven, จำลอง Stub/Mock network, จัดการ Flaky Test และรัน Headless บน CI
✅ JavaScript for Tester (1 วัน) ปูพื้นฐาน DOM/Async/Assertion ให้การเขียน/แก้สคริปต์เทสต์อัตโนมัติจึ้งกว่าเดิม
.
📣สรุป QA สุดเป๊ะของ borntoDev บอกว่า “บั๊กไม่ได้หายไปเอง—แต่มันหายเพราะเรามีแผนการเทสต์ที่เสถียร และระบบอัตโนมัติที่วัดผลได้” – สนใจอัปสกิลให้ QA/Tester ทำงานง่ายขึ้น แต่ยังคงความเป๊ะ ดูรายละเอียด In-house Training ได้ที่ bornto.dev/bd-training
.
🦖 #borntoDev - พร้อมเปลี่ยนคนทำงาน ให้ก้าวสู่การเป็น Dev / Tech Expert

1 month ago | [YT] | 40