Mission To The Moon
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งในแง่การงาน ความสุข และความมั่งคั่ง? .เราหลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาฉลาดกว่า โชคดีกว่า หรือมีพรสวรรค์พิเศษ แต่มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Warren Buffett กลับมองว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่การเลือกคบคนรอบตัว คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตเพียงเพราะเงินทองหรือความสามารถของตนเอง แต่เพราะพวกเขาเลือกล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่ยกระดับพวกเขาให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง.ท่ามกลางอากาศอบอุ่นของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Berkshire Hathaway ที่เพิ่งผ่านไป Warren Buffett มหาเศรษฐีในตำนานได้ทิ้งข้อคิดที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะแทนที่เขาจะพูดถึงหุ้นตัวไหนที่น่าลงทุน หรือกลยุทธ์ทำเงินแบบไหนให้รวยทันใช้ เขากลับบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเลือกคบหาคนที่ถูกต้องตลอดช่วงชีวิตของเรา” .เมื่อมีนักลงทุนหน้าใหม่ถามถึงบทเรียนสำคัญในชีวิตและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ คำตอบของเขาไม่เกี่ยวกับการเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ระยะยาวที่ดีที่สุดแต่อย่างใด เขากลับพูดถึงประเภทของคนที่นักลงทุนควรคบหาตลอดชีวิต..เพื่อนที่คุณคบ ส่งผลต่อเส้นทางชีวิตของคุณ."คนที่คุณคบหาสำคัญอย่างมหาศาล และอย่าคาดหวังว่าคุณจะตัดสินใจถูกในทุกเรื่อง" Buffett กล่าวอย่างจริงจัง และเขายังกล่าวเพิ่มอีกว่าชีวิตของคุณจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับคน 3 กลุ่มที่อยู่รอบตัวคุณ ได้แก่ คนที่คุณทำงานด้วย คนที่คุณชื่นชม และคนที่กลายเป็นเพื่อนของคุณ.เขายังเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ว่า บนโลกใบนี้มีคนที่ทำให้คุณอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม และคุณควรอยู่กับคนที่ดีกว่าคุณ และที่คุณรู้สึกว่าพวกเขาดีกว่าคุณ.คำแนะนำนี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมไม่น้อย เมื่อชายวัย 93 ปีผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพแห่งการลงทุน" กลับไม่พูดถึงการเงินหรือการลงทุนแม้แต่น้อย แต่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกคบคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่ามีผลต่อความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า.ในช่วงชีวิตอันยาวนานของ Buffett ทั้งในฐานะนักลงทุนและนักธุรกิจ เขาได้พิสูจน์แล้วว่าคนรอบตัวคือกุญแจสำคัญในความสำเร็จของเขา ตั้งแต่การร่วมงานกับ Charlie Munger ผู้ร่วมงานคนสำคัญที่ช่วยขัดเกลาวิธีคิดของเขา ไปจนถึงการเลือกผู้บริหารที่มีคุณธรรมและความสามารถให้กับบริษัทต่างๆ ในเครือ Berkshire Hathaway.พลังของการล้อมรอบตัวเองด้วยคนคุณภาพนั้นสอดคล้องกับกฎที่ว่า "เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด" หากคุณอยู่รายล้อมด้วยคนขี้เกียจ โอกาสที่คุณจะขี้เกียจตามไปด้วยก็มีสูง ในทางกลับกัน หากคุณอยู่ท่ามกลางคนที่มุ่งมั่น สร้างสรรค์ และมีวินัย คุณก็มีแนวโน้มที่จะซึมซับคุณลักษณะเหล่านี้ไปด้วยนั่นเอง..ไม่ใช่แค่เลียนแบบคนรวย แต่ต้องรายล้อมด้วยคนเก่ง.Buffett ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า คำแนะนำของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเพียงแค่ติดตามคนที่หาเงินได้มากและพยายามเลียนแบบสิ่งที่พวกเขาทำ เพราะตลอดชีวิตการลงทุน เขาพยายามอยู่รายล้อมด้วยคนฉลาดที่เขาสามารถเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ Buffett ยังกล่าวอีกว่าทุกคนควรตอบแทนความช่วยเหลือที่ผู้อื่นมอบให้."การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับแนวคิดของการสร้างผลตอบแทนทบต้นในการลงทุน เพราะถ้าคุณรายล้อมไปด้วยคนที่เก่ง ก็จะเกิดการทบต้นของเจตนาที่ดีและพฤติกรรมที่ดี แต่น่าเสียดายที่คุณก็สามารถได้รับสิ่งตรงข้ามในชีวิตได้เช่นกัน".ในยุคที่ "Fake it till you make it" กลายเป็นคติประจำใจของคนรุ่นใหม่ คำแนะนำของ Buffet กำลังพยายามทำให้เราหันกลับมาทบทวนการมองความสำเร็จเสียใหม่ เขาเชื่อในการเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แทนที่จะเพียงแค่แสร้งทำตัวเลียนแบบพวกเขา.ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า Buffett ไม่เคยพยายามคัดลอกกลยุทธ์ของนักลงทุนคนอื่น แต่เขาศึกษาและเรียนรู้จากพวกเขา แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง ตั้งแต่การเรียนรู้จาก Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบคุณค่า ที่ทำให้เขาพัฒนาวิธีการลงทุนแบบเฉพาะตัวที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์.คำแนะนำของเขายังสะท้อนถึงความสำคัญของการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ความสำเร็จมักเกิดจากการร่วมมือกัน ไม่ใช่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว การสร้างเครือข่ายของคนที่มีค่านิยมและเป้าหมายคล้ายกันสามารถเปิดประตูสู่โอกาสที่ไม่คาดคิดได้มากมาย..หางานที่ทำแล้วมีความสุข ดีกว่าทุกข์กับงานที่ไม่ชอบ.ในขณะที่คนส่วนใหญ่วิ่งตามความมั่งคั่งทางวัตถุ Buffett กลับแนะนำให้หาอาชีพที่คุณจะทำแม้ไม่จำเป็นต้องได้เงิน และเตือนไม่ให้คบหากับคนที่ "บอกให้คุณทำสิ่งที่คุณไม่ควรทำ".เขาเล่าถึงสิ่งที่สังเกตเห็นตลอดหลายทศวรรษในวงการธุรกิจว่า "น่าสนใจมากที่คนทำงานในวงการลงทุนจำนวนมากออกจากธุรกิจหลังจากที่พวกเขาหาเงินได้มากแล้ว คุณควรหาสิ่งที่คุณจะทำต่อไป ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินหรือไม่ก็ตาม".คำพูดนี้สะท้อนปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้งของชายผู้ยังคงทำงานที่เขารักแม้ในวัย 93 ปี และมีทรัพย์สินมหาศาลที่ทำให้เขาสามารถเกษียณอย่างสุขสบายได้มานานหลายทศวรรษแล้ว.ทฤษฎีความสุขในการทำงานของ Buffett สอดคล้องกับแนวคิด "Ikigai" ของชาวญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าความสุขที่แท้จริงเกิดจากการได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองเก่ง สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่เราได้รับค่าตอบแทน การค้นหางานที่ตอบโจทย์ทั้งสี่ด้านนี้คือกุญแจสู่ชีวิตที่มีความหมาย.Buffett เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคนที่ทำงานด้วยความรัก เขาเคยกล่าวว่ารู้สึกเหมือน "เต้นรำไปสู่ที่ทำงานทุกวัน" และยังคงตื่นเต้นกับการตัดสินใจลงทุนเหมือนกับตอนที่เขาเริ่มต้นธุรกิจในวัยหนุ่ม ความกระตือรือร้นนี้ไม่ได้เกิดจากเงินทอง แต่เกิดจากความหลงใหลในสิ่งที่เขาทำ.นอกจากนี้ ในงานประชุมเมื่อมีนักลงทุนสาวรายหนึ่งลุกขึ้นถามว่าเธอควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้งานที่ Berkshire Hathaway ในอนาคต คำตอบของ Buffett คือ "รักษาความอยากรู้อยากเห็นไว้ และอ่านหนังสือให้มาก".คำตอบสั้นๆ นี้อาจดูไม่ได้ให้แนวทางที่ชัดเจน แต่มันกลับบอกถึงคุณสมบัติหลักที่ Buffett มองหาในคนที่จะร่วมงานด้วย นั่นคือใจที่เปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ และเสาะแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับการลงทุนจริงๆ เขายืนยันมาตลอดว่าคนไม่ควรเลียนแบบสิ่งที่เขาทำกับพอร์ตการลงทุนของ Berkshire แม้จะมีผู้ติดตามมากมาย และควรนำเงินไปลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500 แทน.ความเรียบง่ายในคำแนะนำของ Buffett อาจทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะผู้ที่คาดหวังจะได้ยินเคล็ดลับลัดสู่ความร่ำรวย แต่มันคือภูมิปัญญาที่ผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์กว่า 70 ปีในวงการลงทุน.อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรุ่นใหม่ควรเข้าใจว่า ความอยากรู้อยากเห็นและการอ่านคือทักษะพื้นฐานที่จะสร้างพลังความคิดวิเคราะห์และความเข้าใจต่อโลกธุรกิจ แทนที่จะจดจ่อแต่กับเทคนิคการหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า Buffett เน้นการพัฒนาวิธีคิดและกรอบความคิดที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสถานการณ์..สุดท้ายแล้ว “ความมั่งคั่งที่แท้จริงคืออะไร?” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ Warren Buffett พยายามสะท้อนปรัชญาชีวิตของเขาออกมาผ่านการประชุมครั้งนี้ ความสำเร็จจากมุมมองไม่ได้วัดที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่วัดที่คุณภาพของคนรอบข้างที่คุณเลือกคบหา อาชีพที่คุณหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีวันหมด.เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงไม่ได้วัดที่จำนวนเงินในบัญชี แต่วัดที่จำนวนคนคุณภาพที่ยินดีจะอยู่เคียงข้างเราในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์หรือล้มเหลว ..อ้างอิง- Warren Buffett has this advice for young investors—and it has nothing to do with where they should put their money - Jason Ma, Fortune - bit.ly/4jNJEr0 - ‘Don’t worry’ about your salary early in your career, Warren Buffett says—focus on this ‘enormously important’ factor instead - Kamaron McNair, CNBC - bit.ly/4dcj9sO ..#WarrenBuffett#trend#missiontothemoon#missiontothemoonpodcast
11 hours ago | [YT] | 153
Mission To The Moon
เคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางคนถึงประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งในแง่การงาน ความสุข และความมั่งคั่ง?
.
เราหลายคนอาจคิดว่าเป็นเพราะพวกเขาฉลาดกว่า โชคดีกว่า หรือมีพรสวรรค์พิเศษ แต่มหาเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลกอย่าง Warren Buffett กลับมองว่า ปัจจัยสำคัญที่สุดอยู่ที่การเลือกคบคนรอบตัว คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ไม่ได้เติบโตเพียงเพราะเงินทองหรือความสามารถของตนเอง แต่เพราะพวกเขาเลือกล้อมรอบตัวเองด้วยคนที่ยกระดับพวกเขาให้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง
.
ท่ามกลางอากาศอบอุ่นของการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของ Berkshire Hathaway ที่เพิ่งผ่านไป Warren Buffett มหาเศรษฐีในตำนานได้ทิ้งข้อคิดที่ไม่มีใครคาดคิด เพราะแทนที่เขาจะพูดถึงหุ้นตัวไหนที่น่าลงทุน หรือกลยุทธ์ทำเงินแบบไหนให้รวยทันใช้ เขากลับบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือ “การเลือกคบหาคนที่ถูกต้องตลอดช่วงชีวิตของเรา”
.
เมื่อมีนักลงทุนหน้าใหม่ถามถึงบทเรียนสำคัญในชีวิตและคำแนะนำสำหรับนักลงทุนรุ่นใหม่ คำตอบของเขาไม่เกี่ยวกับการเลือกหุ้นหรือสินทรัพย์ระยะยาวที่ดีที่สุดแต่อย่างใด เขากลับพูดถึงประเภทของคนที่นักลงทุนควรคบหาตลอดชีวิต
.
.
เพื่อนที่คุณคบ ส่งผลต่อเส้นทางชีวิตของคุณ
.
"คนที่คุณคบหาสำคัญอย่างมหาศาล และอย่าคาดหวังว่าคุณจะตัดสินใจถูกในทุกเรื่อง" Buffett กล่าวอย่างจริงจัง และเขายังกล่าวเพิ่มอีกว่าชีวิตของคุณจะพัฒนาไปในทิศทางเดียวกับคน 3 กลุ่มที่อยู่รอบตัวคุณ ได้แก่ คนที่คุณทำงานด้วย คนที่คุณชื่นชม และคนที่กลายเป็นเพื่อนของคุณ
.
เขายังเน้นย้ำด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมด้วยประสบการณ์ว่า บนโลกใบนี้มีคนที่ทำให้คุณอยากเป็นคนที่ดีกว่าเดิม และคุณควรอยู่กับคนที่ดีกว่าคุณ และที่คุณรู้สึกว่าพวกเขาดีกว่าคุณ
.
คำแนะนำนี้สร้างความประหลาดใจให้กับผู้เข้าร่วมการประชุมไม่น้อย เมื่อชายวัย 93 ปีผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็น "เทพแห่งการลงทุน" กลับไม่พูดถึงการเงินหรือการลงทุนแม้แต่น้อย แต่หันมาให้ความสำคัญกับการเลือกคบคน ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเชื่อว่ามีผลต่อความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า
.
ในช่วงชีวิตอันยาวนานของ Buffett ทั้งในฐานะนักลงทุนและนักธุรกิจ เขาได้พิสูจน์แล้วว่าคนรอบตัวคือกุญแจสำคัญในความสำเร็จของเขา ตั้งแต่การร่วมงานกับ Charlie Munger ผู้ร่วมงานคนสำคัญที่ช่วยขัดเกลาวิธีคิดของเขา ไปจนถึงการเลือกผู้บริหารที่มีคุณธรรมและความสามารถให้กับบริษัทต่างๆ ในเครือ Berkshire Hathaway
.
พลังของการล้อมรอบตัวเองด้วยคนคุณภาพนั้นสอดคล้องกับกฎที่ว่า "เราเป็นค่าเฉลี่ยของคน 5 คนที่เราใช้เวลาด้วยมากที่สุด" หากคุณอยู่รายล้อมด้วยคนขี้เกียจ โอกาสที่คุณจะขี้เกียจตามไปด้วยก็มีสูง ในทางกลับกัน หากคุณอยู่ท่ามกลางคนที่มุ่งมั่น สร้างสรรค์ และมีวินัย คุณก็มีแนวโน้มที่จะซึมซับคุณลักษณะเหล่านี้ไปด้วยนั่นเอง
.
.
ไม่ใช่แค่เลียนแบบคนรวย แต่ต้องรายล้อมด้วยคนเก่ง
.
Buffett ยังอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า คำแนะนำของเขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากการเพียงแค่ติดตามคนที่หาเงินได้มากและพยายามเลียนแบบสิ่งที่พวกเขาทำ เพราะตลอดชีวิตการลงทุน เขาพยายามอยู่รายล้อมด้วยคนฉลาดที่เขาสามารถเรียนรู้ได้ นอกจากนี้ Buffett ยังกล่าวอีกว่าทุกคนควรตอบแทนความช่วยเหลือที่ผู้อื่นมอบให้
.
"การทำเช่นนี้ก็เหมือนกับแนวคิดของการสร้างผลตอบแทนทบต้นในการลงทุน เพราะถ้าคุณรายล้อมไปด้วยคนที่เก่ง ก็จะเกิดการทบต้นของเจตนาที่ดีและพฤติกรรมที่ดี แต่น่าเสียดายที่คุณก็สามารถได้รับสิ่งตรงข้ามในชีวิตได้เช่นกัน"
.
ในยุคที่ "Fake it till you make it" กลายเป็นคติประจำใจของคนรุ่นใหม่ คำแนะนำของ Buffet กำลังพยายามทำให้เราหันกลับมาทบทวนการมองความสำเร็จเสียใหม่ เขาเชื่อในการเรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า แทนที่จะเพียงแค่แสร้งทำตัวเลียนแบบพวกเขา
.
ประวัติศาสตร์ได้พิสูจน์แล้วว่า Buffett ไม่เคยพยายามคัดลอกกลยุทธ์ของนักลงทุนคนอื่น แต่เขาศึกษาและเรียนรู้จากพวกเขา แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับตัวเอง ตั้งแต่การเรียนรู้จาก Benjamin Graham บิดาแห่งการลงทุนแบบคุณค่า ที่ทำให้เขาพัฒนาวิธีการลงทุนแบบเฉพาะตัวที่ผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลป์
.
คำแนะนำของเขายังสะท้อนถึงความสำคัญของการมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่ง โดยเฉพาะในโลกธุรกิจที่ความสำเร็จมักเกิดจากการร่วมมือกัน ไม่ใช่การแข่งขันเพียงอย่างเดียว การสร้างเครือข่ายของคนที่มีค่านิยมและเป้าหมายคล้ายกันสามารถเปิดประตูสู่โอกาสที่ไม่คาดคิดได้มากมาย
.
.
หางานที่ทำแล้วมีความสุข ดีกว่าทุกข์กับงานที่ไม่ชอบ
.
ในขณะที่คนส่วนใหญ่วิ่งตามความมั่งคั่งทางวัตถุ Buffett กลับแนะนำให้หาอาชีพที่คุณจะทำแม้ไม่จำเป็นต้องได้เงิน และเตือนไม่ให้คบหากับคนที่ "บอกให้คุณทำสิ่งที่คุณไม่ควรทำ"
.
เขาเล่าถึงสิ่งที่สังเกตเห็นตลอดหลายทศวรรษในวงการธุรกิจว่า "น่าสนใจมากที่คนทำงานในวงการลงทุนจำนวนมากออกจากธุรกิจหลังจากที่พวกเขาหาเงินได้มากแล้ว คุณควรหาสิ่งที่คุณจะทำต่อไป ไม่ว่าคุณจะต้องการเงินหรือไม่ก็ตาม"
.
คำพูดนี้สะท้อนปรัชญาชีวิตที่ลึกซึ้งของชายผู้ยังคงทำงานที่เขารักแม้ในวัย 93 ปี และมีทรัพย์สินมหาศาลที่ทำให้เขาสามารถเกษียณอย่างสุขสบายได้มานานหลายทศวรรษแล้ว
.
ทฤษฎีความสุขในการทำงานของ Buffett สอดคล้องกับแนวคิด "Ikigai" ของชาวญี่ปุ่น ที่เชื่อว่าความสุขที่แท้จริงเกิดจากการได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก สิ่งที่ตัวเองเก่ง สิ่งที่โลกต้องการ และสิ่งที่เราได้รับค่าตอบแทน การค้นหางานที่ตอบโจทย์ทั้งสี่ด้านนี้คือกุญแจสู่ชีวิตที่มีความหมาย
.
Buffett เองก็เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของคนที่ทำงานด้วยความรัก เขาเคยกล่าวว่ารู้สึกเหมือน "เต้นรำไปสู่ที่ทำงานทุกวัน" และยังคงตื่นเต้นกับการตัดสินใจลงทุนเหมือนกับตอนที่เขาเริ่มต้นธุรกิจในวัยหนุ่ม ความกระตือรือร้นนี้ไม่ได้เกิดจากเงินทอง แต่เกิดจากความหลงใหลในสิ่งที่เขาทำ
.
นอกจากนี้ ในงานประชุมเมื่อมีนักลงทุนสาวรายหนึ่งลุกขึ้นถามว่าเธอควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้งานที่ Berkshire Hathaway ในอนาคต คำตอบของ Buffett คือ "รักษาความอยากรู้อยากเห็นไว้ และอ่านหนังสือให้มาก"
.
คำตอบสั้นๆ นี้อาจดูไม่ได้ให้แนวทางที่ชัดเจน แต่มันกลับบอกถึงคุณสมบัติหลักที่ Buffett มองหาในคนที่จะร่วมงานด้วย นั่นคือใจที่เปิดกว้าง พร้อมเรียนรู้ และเสาะแสวงหาความรู้อยู่เสมอ ซึ่งสำหรับการลงทุนจริงๆ เขายืนยันมาตลอดว่าคนไม่ควรเลียนแบบสิ่งที่เขาทำกับพอร์ตการลงทุนของ Berkshire แม้จะมีผู้ติดตามมากมาย และควรนำเงินไปลงทุนในกองทุนดัชนี S&P 500 แทน
.
ความเรียบง่ายในคำแนะนำของ Buffett อาจทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะผู้ที่คาดหวังจะได้ยินเคล็ดลับลัดสู่ความร่ำรวย แต่มันคือภูมิปัญญาที่ผ่านการกลั่นกรองจากประสบการณ์กว่า 70 ปีในวงการลงทุน
.
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนรุ่นใหม่ควรเข้าใจว่า ความอยากรู้อยากเห็นและการอ่านคือทักษะพื้นฐานที่จะสร้างพลังความคิดวิเคราะห์และความเข้าใจต่อโลกธุรกิจ แทนที่จะจดจ่อแต่กับเทคนิคการหาหุ้นที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่า Buffett เน้นการพัฒนาวิธีคิดและกรอบความคิดที่ถูกต้อง ซึ่งสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในทุกสถานการณ์
.
.
สุดท้ายแล้ว “ความมั่งคั่งที่แท้จริงคืออะไร?” ก็ยังคงเป็นสิ่งที่ Warren Buffett พยายามสะท้อนปรัชญาชีวิตของเขาออกมาผ่านการประชุมครั้งนี้ ความสำเร็จจากมุมมองไม่ได้วัดที่ตัวเลขในบัญชีธนาคาร แต่วัดที่คุณภาพของคนรอบข้างที่คุณเลือกคบหา อาชีพที่คุณหลงใหล และความอยากรู้อยากเห็นที่ไม่มีวันหมด
.
เพราะสุดท้ายแล้ว ชีวิตที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงไม่ได้วัดที่จำนวนเงินในบัญชี แต่วัดที่จำนวนคนคุณภาพที่ยินดีจะอยู่เคียงข้างเราในทุกช่วงเวลาของชีวิต ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ไม่ว่าจะรุ่งโรจน์หรือล้มเหลว
.
.
อ้างอิง
- Warren Buffett has this advice for young investors—and it has nothing to do with where they should put their money - Jason Ma, Fortune - bit.ly/4jNJEr0
- ‘Don’t worry’ about your salary early in your career, Warren Buffett says—focus on this ‘enormously important’ factor instead - Kamaron McNair, CNBC - bit.ly/4dcj9sO
.
.
#WarrenBuffett
#trend
#missiontothemoon
#missiontothemoonpodcast
11 hours ago | [YT] | 153