การปล่อยครั้งนี้ดำเนินการโดย Arianespace ในนามของ ESA ร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรป และหน่วยงาน EU Agency for the Space Programme หรือ EUSPA ซึ่งรับหน้าที่ดูแลช่วง Launch and Early Orbit Phase หรือ LEOP และการนำดาวเทียมเข้าสู่การใช้งานจริง EUSPA ยังมีบทบาทสำคัญในการรับประกันว่าระบบ Galileo จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงบริการดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
ดาวเทียมทั้งสองดวง คือ SAT 33 และ SAT 34 จะถูกนำส่งเข้าสู่วงโคจรระดับ Medium Earth Orbit ที่ความสูงราว 22,922 กิโลเมตร ก่อนจะแยกตัวออกจากจรวดประมาณ 3 ชั่วโมง 55 นาทีหลังปล่อย และค่อย ๆ ปรับวงโคจรไปยังระดับปฏิบัติการที่ประมาณ 23,222 กิโลเมตร เมื่อเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบ
ในระหว่างนี้ NASA ได้ใช้ระบบ Deep Space Network ในการยิงสัญญาณขึ้นไปหาตัวยาน แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา น่าจับตามองว่าทีม JPL จะแก้ปัญหาในรอบนี้อย่างไรโดยสัญญาณ Downlink ล่าสุดก่อนขาดหาย บอกว่าระบบต่าง ๆ ยังทำงานได้ปกติดี
โดยปกติแล้วยานอวกาศจะมีระบบความปลอดภัยที่ออกแบบมาให้ยานเข้าสู่ Safe Mode อัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติของการสื่อสาร ซึ่งหมายความว่าตัวยานอาจลดกิจกรรมทั้งหมด เหลือเพียงการรักษา Attitute Control และชาร์จพลังงานด้วย Solar Arrays พร้อมรอรับคำสั่งใหม่จากโลก ดังนั้นต้องรอดูว่า NASA จะสามารถเชื่อมสัญญาณได้อีกครั้งหรือไม่
กาแล็คซี่วิทยา
สุขสันต์วันคริสต์มาสนะครับ
1 day ago | [YT] | 1
View 1 reply
กาแล็คซี่วิทยา
อินเดียประสบความสำเร็จในการส่งจรวด LVM3 นำส่งดาวเทียม BlueBird Block-2 ให้กับลูกค้าจากสหรัฐฯ จากฐานปล่อย Satish Dhawan Space Center
ภารกิจอวกาศส่งท้ายปีของอินเดียในวันนี้ประสบความสำเร็จ เป็นการใช้จรวด LVM-3 นำส่งดาวเทียมสื่อสาร Blue Bird Block-2 ให้กับบริษัท AST SpaceMobile จากสหรัฐอเมริกา น้ำหนักกว่า 6,100 กิโลกรัม สู่วงโคจรต่ำ Low Earth Orbit
ตัวจรวดบินขึ้นจากฐานปล่อยเวลา 10:25 ของเช้าวันที่ 24 ธันวาคม 2025 ตามเวลาประเทศไทย หลังจากบินขึ้นตัวจรวดได้นำส่งดาวเทียมสู่วงโคจรตามที่ออกแบบไว้ได้สำเร็จ
จรวดตระกูล LVM-3 ของอินเดียนั้นเป็นจรวดหนักที่สุดที่อินเดียมี ก่อนหน้านี้เคยถูกใช้งานทั้งภารกิจการสำรวจอวกาศ เช่น Chandrayaan-2, Chandrayaan-3, และการปล่อยดาวเทียมให้กับลูกค้าเช่นโครงการดาวเทียมอินเทอร์เน็ต One Web มาหลากหลายภารกิจ
หลังการปล่อย นายกรัฐมนตรี Narendra Modi ยังได้ออกมาโพสต์แสดงความยินดีบอกว่า ภารกิจดังกล่าวเป็นการปล่อยดาวเทียมที่หนักที่สุดที่บินออกจากแผ่นดินอินเดีย นับว่าเป็นก้าวสำคัญของอินเดียด้านอวกาศ
1 day ago | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
Jared Isaacman สาบานตนเป็นผู้อำนวยการ NASA อย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ หลังผ่านการรับรองจากวุฒิสภาสหรัฐฯ
ท่ามกลางวิกฤติด้านงบประมาณและแรงกดดันจากความก้าวหน้าของการสำรวจอวกาศจีน ผู้อำนวยการ NASA คนที่ 15 คนนี้แบกรับภาระของโครงการ Artemis ที่จะต้องพามนุษยชาติเดินทางกลับสู่ผิวดวงจันทร์อีกครั้งและวางรากสู่การสำรวจแห่งอนาคต เช่น โครงการ Lunar Gateway สถานีอวกาศโคจรรอบดวงจันทร์ รวมถึงโครงการใหญ่อย่าง Mars Sample Return กับการเก็บตัวอย่างหินดาวอังคารกลับโลก ไปจนการนำสหรัฐฯ เข้าสู่ยุคการสำรวจอวกาศเอกชนอย่างเต็มรูปแบบ
Jared Isaacman นั้นเป็นมาเศรษฐีและนักการกุศล เขาเคยเดินทางไปในอวกาศถึง 2 เที่ยวบินในภารกิจ Inspiration4 และ Polaris Dawn โดยโครงการของเขามุ่งเป้าเพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนและระดมทุนบริจากให้กับโรงพยาบาลเพื่อการวิจัยโรคมะเร็งในสหรัฐฯ
ก่อนหน้านี้ Jared Isaacman ถูกถอนชื่อออกจาก Candidate เมื่อช่วงต้นปี 2025 ก่อนที่จะกลับมาอีกครั้งในช่วงปลายปี และได้รับเสียงสนับสนุนอย่างล้มหลามจากบรรดานักบินอวกาศ จนผลออกมาผ่านฉลุย
ต้องรอดูว่า NASA ในยุคของ Jared Isaacman นั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง
Jared Isaacman ได้รับการรับรองจากวุฒิสภา ขึ้นเป็นผู้อำนวยการ NASA spaceth.co/jared-isaacman-confirmed-to-be-nasa-adm…
1 week ago | [YT] | 1
View 1 reply
กาแล็คซี่วิทยา
Rocket Lab ประสบความสำเร็จในการปล่อย Dedicated Mission ห้กับองค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่น JAXA โดยภารกิจ “RAISE And Shine” ถูกปล่อยขึ้นจาก Launch Complex 1 ใน Mahia ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2025
จรวด Electron ทำหน้าที่นำดาวเทียม RAISE-4 ขึ้นสู่วงโคจรได้ตามแผน ภารกิจนี้ถือเป็นหนึ่งในภารกิจภายใต้โครงการ Innovative Satellite Technology Demonstration Program ของ JAXA
ดาวเทียม RAISE-4 หรือ RApid Innovative payload demonstration SatellitE-4 ทำหน้าที่เป็นแพลตฟอร์มสาธิตเทคโนโลยีจำนวน 8 รายการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทเอกชน มหาวิทยาลัย และสถาบันวิจัยจากทั่วประเทศญี่ปุ่น โครงการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่ในสภาพแวดล้อมจริงบนวงโคจร และเปิดโอกาสให้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีจากนอกหน่วยงานรัฐสามารถเข้ามามีบทบาทในกระบวนการพัฒนาอวกาศของประเทศมากขึ้น
การปล่อยภารกิจนี้สะท้อนแนวโน้มที่หน่วยงานอวกาศแห่งชาติเริ่มพึ่งพาบริการจากผู้ให้บริการปล่อยเชิงพาณิชย์มากขึ้น Rocket Lab ระบุว่านี่เป็นภารกิจแรกจากทั้งหมดสองภารกิจเฉพาะกิจสำหรับ JAXA โดยภารกิจถัดไปถูกวางแผนไว้ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2026
นอกจากนี้ Rocket Lab ยังมีแผนปล่อยภารกิจ Dedicated Mission ให้กับองค์การอวกาศยุโรป ESA ในปีหน้า ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบทบาทของจรวด Electron ในตลาดการปล่อยดาวเทียมขนาดเล็กระดับนานาชาติ
ภารกิจ “RAISE And Shine” เป็นการปล่อยจรวด Electron ครั้งที่ 19 ของ Rocket Lab ในปี 2025 และบริษัทยังมีแผนปล่อยภารกิจถัดไปจาก Launch Complex 2 ภายในเดือนเดียวกันนี้
1 week ago | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
วันที่ 17 ธันวาคม 2025 นี้ องค์การอวกาศยุโรป ESA เตรียมส่งดาวเทียม Galileo เพิ่มอีก 2 ดวงขึ้นสู่อวกาศ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับระบบนำร่องด้วยดาวเทียมของยุโรป หรือ Galileo GNSS โดยจะปล่อยขึ้นด้วยจรวด Ariane 6 จากฐานปล่อยที่เฟรนช์เกียนา
ภารกิจนี้ใช้รหัส VA266 และถือเป็นเที่ยวบินที่ 5 ของ Ariane 6 ในรุ่น Ariane 62 ที่ติดตั้งบูสเตอร์สองลำ พร้อมกับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ดาวเทียม Galileo ถูกปล่อยด้วยจรวดรุ่นใหม่นี้
การปล่อยครั้งนี้ดำเนินการโดย Arianespace ในนามของ ESA ร่วมกับคณะกรรมาธิการยุโรป และหน่วยงาน EU Agency for the Space Programme หรือ EUSPA ซึ่งรับหน้าที่ดูแลช่วง Launch and Early Orbit Phase หรือ LEOP และการนำดาวเทียมเข้าสู่การใช้งานจริง EUSPA ยังมีบทบาทสำคัญในการรับประกันว่าระบบ Galileo จะตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานในตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ตั้งแต่ภาคอุตสาหกรรม ไปจนถึงบริการดิจิทัลในชีวิตประจำวัน
ดาวเทียมทั้งสองดวง คือ SAT 33 และ SAT 34 จะถูกนำส่งเข้าสู่วงโคจรระดับ Medium Earth Orbit ที่ความสูงราว 22,922 กิโลเมตร ก่อนจะแยกตัวออกจากจรวดประมาณ 3 ชั่วโมง 55 นาทีหลังปล่อย และค่อย ๆ ปรับวงโคจรไปยังระดับปฏิบัติการที่ประมาณ 23,222 กิโลเมตร เมื่อเริ่มใช้งานเต็มรูปแบบ
ดาวเทียมคู่นี้จะช่วยเสริมกลุ่มดาว Galileo รุ่นแรกให้มีความแม่นยำ ความพร้อมใช้งาน และความทนทานของระบบสูงยิ่งขึ้น
Galileo เป็นระบบนำร่องด้วยดาวเทียมของยุโรปที่ออกแบบมาเพื่อความเป็นอิสระและความมั่นคง ให้ความแม่นยำในการระบุตำแหน่งระดับเมตรแบบเรียลไทม์ รองรับการใช้งานตั้งแต่การคมนาคม เกษตรกรรม การจัดการภัยพิบัติ ความมั่นคง ไปจนถึงโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลทั่วโลก การปล่อย Galileo L14 เป็นอีกก้าวสำคัญที่ตอกย้ำบทบาทของยุโรปในการพัฒนา GNSS ที่ปลอดภัย แข็งแรง และพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว
1 week ago | [YT] | 2
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
พาทุกคนมาดูบรรยากาศท้องฟ้าสวยยามเย็นกันครับ
1 week ago | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
ภาพจากการลงจอดล่าสุดของยาน Soyuz MS-27 เมื่อช่วงวันที่ 9 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา "ทำไมยานถึงล้มคว่ำแบบนี้" แล้วมันอันตรายมั้ย
นี่คือพฤติกรรมปกติของโครงสร้างแบบ Soyuz ซึ่งถูกออกแบบมาตั้งแต่ยุคโซเวียตด้วยปรัชญาที่เน้นความทน ความง่าย และการรับมือกับสภาพแวดล้อมจริง
หัวใจของปรากฏการณ์นี้เริ่มจากสถาปัตยกรรมของแคปซูล Soyuz ที่มีรูปทรงกึ่งทรงกรวย น้ำหนักถ่วงอยู่ด้านล่าง เมื่อยานลงด้วยร่มชูชีพ ตัวร่มยังคงสร้างแรงดึงในแนวข้างแม้หลังจากแตะพื้นแล้ว ทำให้โมเมนตัมที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยก็เพียงพอจะดึงให้ตัวยาน "ล้ม" ได้ ยิ่งในพื้นที่ราบของคาซัคสถานซึ่งมีหิมะ นูนต่ำ หรือพื้นไม่เสมอกัน แรงเหล่านี้ยิ่งทำงานได้ง่ายขึ้นไปอีก และแม้ระบบ Soft-Landing ซึ่งเป็นการจุดจรวดเฮือกสุดท้ายก่อนสัมผัสพื้นจะช่วยลดแรงกระแทกก่อนแตะพื้น แต่อาการล้มหลังจากแตะพื้นก็ยังเป็นพฤติกรรมที่เกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของโครงสร้าง
คำถามที่เกิดขึ้นทันทีคือ แล้วมันอันตรายหรือไม่ ความจริงคือ Soyuz ถูกออกแบบให้รองรับแรงลักษณะนี้โดยตรง ตั้งแต่เบาะ Kazbek-U ที่ขึ้นรูปตามตัวนักบินอวกาศไปจนถึงโครงสร้างภายในที่รับแรงได้แบบกระจาย ตัวแคปซูลเองผ่านมาตรฐานความปลอดภัยที่ยอมให้เกิดการล้มและยังถือว่า "Nominal" ในคู่มือด้วยซ้ำ ทีมภาคพื้นของ Roscosmos เองก็เตรียมการรับมือในมุมมองนี้ เช่น อุปกรณ์เปิดฝายานจากด้านข้าง กรณีที่ยานล้มในทิศที่ลูกเรือเปิดออกไม่สะดวก
เมื่อมองจากมุมของสถาปัตยกรรมยานอวกาศ เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่ปัญหา แต่เป็นหลักฐานของปรัชญาโซเวียตที่เน้นความทนทาน ยานต้องกลับถึงโลกได้แม้ลงในหิมะ ลมแรง หรือพื้นขรุขระ ต่างจากแนวคิดของยานรุ่นใหม่อย่าง Dragon ที่เล็งการลงจอดแบบควบคุมละเอียดเพื่อให้ทุกขั้นตอนตั้งแต่ Touchdown จนเปิดประตูดู “เรียบร้อย” มากกว่า
Soyuz จึงเป็นตัวแทนความคิดแบบ old-school engineering ที่ให้ความสำคัญกับการอยู่รอดเหนือความสวยงาม และนั่นทำให้การล้มหลังลงจอดกลายเป็นฉากธรรมดา ๆ ของยานที่มนุษย์ใช้เดินทางไปกลับอวกาศมากที่สุดในประวัติศาสตร์ใบนี้
2 weeks ago | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
NASA ขาดการเชื่อมต่อกับยาน MAVEN บนวงโคจรของดาวอังคาร รายงานล่าสุดจาก JPL บอกว่าตัวยานสัญญาณขาดหายไปตั้งแต่ช่วงวันที่ 6 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมา
ในระหว่างนี้ NASA ได้ใช้ระบบ Deep Space Network ในการยิงสัญญาณขึ้นไปหาตัวยาน แต่ยังไม่มีสัญญาณตอบรับกลับมา น่าจับตามองว่าทีม JPL จะแก้ปัญหาในรอบนี้อย่างไรโดยสัญญาณ Downlink ล่าสุดก่อนขาดหาย บอกว่าระบบต่าง ๆ ยังทำงานได้ปกติดี
โดยปกติแล้วยานอวกาศจะมีระบบความปลอดภัยที่ออกแบบมาให้ยานเข้าสู่ Safe Mode อัตโนมัติเมื่อเกิดความผิดปกติของการสื่อสาร ซึ่งหมายความว่าตัวยานอาจลดกิจกรรมทั้งหมด เหลือเพียงการรักษา Attitute Control และชาร์จพลังงานด้วย Solar Arrays พร้อมรอรับคำสั่งใหม่จากโลก ดังนั้นต้องรอดูว่า NASA จะสามารถเชื่อมสัญญาณได้อีกครั้งหรือไม่
ยาน MAVEN นั้นเป็นยานสำรวจดาวอังคารที่โฟกัสไปที่การศึกษาบรรยากาศของดาวอังคาร โดยตัวยานเริ่มต้นสำรวจดาวอังคารตั้งแต่ปี 2014 ถือว่าเป็นอีกหนึ่งภารกิจที่ประสบความสำเร็จในการสำรวจดาวอังคารจากวงโคจร ร่วมกันยานอย่าง MRO หรือยาน TGO ของ ESA
2 weeks ago | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
สู้ๆนะทุกคน✌️✌️✌️#ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
2 weeks ago (edited) | [YT] | 1
View 0 replies
กาแล็คซี่วิทยา
Soyuz MS-27 ถอนตัวออกจากสถานีอวกาศนานชาติแล้ว พาลูกเรือ Sergey Ryzhikov, Alexey Zubritsky และ Jonny Kim เดินทางกลับบ้าน
9 ธันวาคม 2025 เวลา 8:41 ตามเวลาประเทศไทย ยานอวกาศ Soyuz MS-27 พร้อมกับลูกเรือได้ถอนตัวออกจากสถานีอวกาศนานาชาติ เตรียมตัวลงจอดสู่โลกบริเวณทุ่งหญ้าในคาซักสถาน ปิดฉากภารกิจ 244 วัน 16 ชั่วโมงกับอีก 44 นาที บนสถานีอวกาศนานาชาติ
การเดินทางกลับโลกของ Soyuz MS-27 เกิดขึ้นหลังการส่งไม้ต่อให้กับลูกเรือ Soyuz MS-28 ในฐานะลูกเรือกลุ่ม Expedition 74 บนสถานีอวกาศนานาชาติ และยังถือว่าเป็นการปิดฉากการผลัดเปลี่ยนลูกเรือของสถานีอวกาศนานาชาติในปี 2025 อย่างสวยงาม
2 weeks ago | [YT] | 1
View 0 replies
Load more